บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ฟังเทศน์ฟังธรรมได้บุญจริงหรือ


มีคนเข้าไปตั้งกระทู้ในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ที่น่าสนใจ และควรนำมาวิพากษ์วิจารณ์กัน กระทู้นั้นชื่อ “สวดมนต์ ฟังเทศน์ฟังธรรม แล้วได้บุญจริงหรือ???

เนื้อหาของกระทู้ก็เป็นดังนี้

เคยได้ยินหลายๆ คนแนะนำนะครับว่า หมั่นสวดมนต์จะให้ราศีจับมีสง่าราศี บ้างก็ว่าทำให้ค้าขายร่ำรวย ไร้โรคภัยเบียดเบียน มันจะจริงหรือครับ ปรากฏในพระพุทธศาสนาจริงหรือปล่าว

พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้หรือไม่ หรือเป็นเพียงความเชื่อที่คิดตามกันมาแบบผิดๆ เรื่องฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วได้บุญ ถ้าฟังแล้วไม่เอามาปฏิบัติจะได้บุญหรือ

อีกนิดครับในบรรดาคนฟังธรรม จะมีสักกี่ % กันที่ฟังบาลีรู้เรื่อง

เรามาดูความคิดเห็นของคนในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์กันก่อน

ความคิดเห็นที่ 1 ว่าไว้ดังนี้

ได้บุญจริง  ถ้าฟังแล้วคิดตาม  ฟังแล้วนำมาใช้  ฟังแล้วเป็นสมาธิครับ  ไม่จำเป็นต้องฟังรู้เรื่อง ยกตัวอย่างเรื่อง  ค้างคาว  กับงูฟังธรรมครับ  ไปศึกษาต่อเอง

ส่วนที่คุณยกตัวอย่างอานิสงส์มา  อันนี้เวอร์ไปครับ

ความคิดเห็นนี้ ขัดแย้งกันเอง คือ บอกว่าได้บุญจริง ถ้าฟังแล้วคิดตาม  แล้วก็ยกตัวอย่าง ค้างคาวกับงูฟังธรรม   ค้างคาวกับงูฟังธรรมแล้ว มันคิดตามได้หรือเปล่า

ความคิดเห็นที่ 4 ว่าไว้ดังนี้

เอาแบบจริงจังคือ ไม่ได้อะไรครับ ถ้าคุณไม่แปลแล้วนำมาปฏิบัติ การสวดมนต์ผมคิดว่า สมัยก่อนคงจะหาของบันทึกยาก เลยคิดวิธีท่องจำไม่ให้คำสอนสูญหาย แต่มาทุกวันนี้กลายเป็นว่า สวดมนต์เพื่อขลัง เพื่อได้บุญ

ผมว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้า ถ้าคุณไม่แปลเป็นภาษาไทยก็คงไม่ได้ประโยชน์อันใด ยกเว้นคุณฟังภาษาบาลีรู้เรื่อง

คนนี้ก็มั่วอีก  การเขียนของโลกมีมานานแล้ว ภาษาเขียนในอินเดียก็มีมานานแล้ว แต่เขาไม่บันทึกคำสอนเป็นตัวเขียน นิยมการท่องจำคำสอน 

ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 500 จึงมีการบันทึกเป็นอักษร

ความคิดเห็นที่ 13  ไม่ตรงประเด็น แต่ผมหามานานแล้ว จึงเอามาเผยแพร่ต่อเลย ดังนี้

ลําดับการทําบุญสูงสุด

ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน 100 ครั้ง  ผลบุญยังน้อยกว่าทำทานกับคนไม่มีศีลแม้เพียงครั้งเดียว
ทำทานกับคนไม่มีศีล 100 ครั้ง  ผลบุญยังน้อยกว่าทำทานกับผู้มีศีล 5 แม้เพียงครั้งเดียว
ให้ทานผู้มีศีล 5 มากถึง 100 ครั้ง  ผลบุญยังน้อยกว่าให้ทานผู้มีศีล 8 แม้เพียงครั้งเดียว
ให้ทานผู้มีศีล 8 มากถึง 100 ครั้ง  ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานผู้มีศีล 10 แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานผู้มีศีล 10 มากถึง 100 ครั้ง  ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแด่สมมุติสงฆ์แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแด่สมมติสงฆ์ 100 ครั้ง  ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแก่พระโสดาบันแม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแด่พระโสดาบัน 100 ครั้ง  ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานพระสกิทาคามี 100 ครั้ง  ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานพระอานาคามีแม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานพระอนาคามี 100 ครั้ง  ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานให้พระอรหันต์ แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแก่พระอรหันต์ 100 ครั้ง  ผลบุญยังได้น้อยกว่าถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า 100 ครั้ง  ผลบุญยังได้น้อยกว่าถวายทานแด่พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียว 
ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 100 ครั้ง  ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายเพียงครั้งเดียว
ถวายสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน 100 ครั้ง  ยังได้บุญน้อยกว่าถวายวิหารทานครั้งเดียว
ถวายวิหารทาน 100 หลัง  ยังได้บุญน้อยกว่าให้ธรรมทานครั้งเดียว
ให้ธรรมทาน 100 ครั้ง  ยังได้บุญน้อยกว่าการให้อภัยทานครั้งเดียว
อภัยทาน 100 ครั้ง  บุญยังน้อยกว่าการถือศีล 5 แม้เพียงครั้งเดียว
ถือศีล 5 มากถึง 100 ครั้ง  บุญยังน้อยกว่าถือศีล 8 แม้เพียงครั้งเดียว
ถือศีล 8 มากถึง 100 ครั้ง  บุญยังน้อยกว่าการถือศีล 10 ครั้งเดียว (ถือศีล 10 คือบวชเป็นสามเณร)
บวชเป็นสามเณร รักษาศีลไม่ด่างพร้อย 100 ปี  บุญยังน้อยกว่าผู้อุปสมบทเป็นพระ แม้บวชเพียงวันเดียว
พระพุทธเจ้าตรัสในเบื้องปลายว่า“แม้จะได้อุปสมบทเป็นภิกษุ รักษาศีลครบ 227 ข้อ ไม่เคยขาด ไม่ด่างพร้อย 100 ปี บุญกุศลยังน้อยกว่าผู้ที่ทำสมาธิให้จิตสงบ (ฌาน) แม้นานเพียงไก่กระพือปีก”
“ผู้ใดเข้าฌาน นาน 100 ปีและไม่เสื่อม บุญยังน้อยกว่าผู้ที่มองเห็นความเป็นจริงว่า สรรพสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง มาจากการปรุงแต่ง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แม้จะเห็นเพียงชั่วขณะจิตก็ตาม”

ประเด็นที่ว่า “สวดมนต์ ฟังเทศน์ฟังธรรม แล้วได้บุญจริงหรือ???” นั้น เกี่ยวพันกับประวัติของพระอภิธรรม  จึงควรที่จะรู้เรื่องนี้เสียก่อน

พระอภิธรรมนั้น พระพุทธองค์ทรงเทศนาให้กับพระนางสิริมหามายา ซึ่งเป็นเทพบุตรอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต 

เมื่อเทศนาบนสวรรค์แล้ว  ก็ต้องมาแสดงต่อพระอานนท์ด้วย เพราะ พระอานนท์เคยขอไว้ว่า ไม่ว่าพระพุทธองค์จะไปทรงสอนอะไรที่ไหน ต้องมาแสดงต่อพระอานนท์ด้วย

หลังจากที่ทรงเสวยแล้วก็ทรงสรุปเนื้อหาของพระอภิธรรมที่พระองค์ได้ทรงแสดงแก่เหล่าเทวดาและพรหมให้พระสารีบุตรฟังวันต่อวัน (พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่พระสารีบุตรด้วย สังเขปนัย คือแสดงอย่างย่นย่อ) เสร็จแล้วจึงเสด็จกลับขึ้นสู่ดาวดึงส์เทวโลกเพื่อแสดงธรรมต่อไป

ทรงกระทำเช่นนี้ทุกวันตลอด 3 เดือน เมื่อมีการแสดงพระอภิธรรมบนเทวโลกจบสมบูรณ์แล้ว การแสดงพระอภิธรรมแก่พระสารีบุตรก็จบลงด้วยเช่นกัน

เมื่อจบพระอภิธรรมเทศนาเทวดาและพรหม 800,000 โกฏิได้บรรลุธรรมและสันดุสิตเทพบุตร (พุทธมารดา) ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบันบุคคล

เมื่อพระสารีบุตรได้ฟังพระอภิธรรมจากพระบรมศาสดาแล้ว ก็นำมาสอนให้แก่พระภิกษุทั้ง 500 รูป ซึ่งเป็นศิษย์ของท่านโดยสอนตามพระพุทธองค์วันต่อวันและจบบริบูรณ์ภายในเวลา 3 เดือนเช่นกัน

การสอนพระอภิธรรมของพระสารีบุตรที่สอนแก่ภิกษุ 500 รูปนี้เป็นการสอนชนิดไม่ย่อเกินไปไม่พิศดารเกินไป เรียกว่า นาติวิตถารนาติสังเขปนัย

ภิกษุทั้ง 500 รูปนี้ เคยมีอุปนิสัยมาแล้วในชาติก่อน คือ สมัยศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ภิกษุทั้ง 500 รูปนี้เป็นค้างคาวอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง

ขณะนั้น มีภิกษุผู้ทรงอภิธรรม 2 รูปที่อาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนั้นเช่นกัน กำลังสวดสาธยายพระอภิธรรมอยู่ เมื่อค้างคาวทั้ง 500 ตัวได้ยินเสียงสวดสาธยายพระอภิธรรมก็รู้แต่เพียงว่าเป็นพระธรรมเท่านั้นหาได้รู้ความหมายใดๆ ไม่ แต่ก็พากันตั้งใจฟังจนจบ

เมื่อสิ้นจากชาติที่เป็นค้างคาวแล้ว ก็ไปเกิดอยู่ในเทวโลกเหมือนกันหมดจนกระทั่งศาสนาของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้น จึงได้จุติจากเทวโลกมาเกิดเป็นมนุษย์และได้บวชเป็นภิกษุในศาสนานี้

ตลอดจนได้เรียนพระอภิธรรมจากพระสารีบุตรดังกล่าว นับแต่นั้นมาการสาธยายท่องจำและการถ่ายทอดความรู้เรื่องพระอภิธรรมก็ได้แพร่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง


จากข้อความข้างต้น ปัญหาที่มีการถกเถียงกันตามมาก็คือ ค้างคาวที่ฟังพระ  2  รูปสวดพระอภิธรรมอยู่ ก็ได้บุญไปด้วย ค้างคาวไม่รู้ภาษามนุษย์ทำไมได้บุญได้

เรื่องการได้บุญนี้  ไม่มีคำสอนของสายไหนถูกต้องแม้แต่สายเดียว  มีแต่คำสอนของวิชาธรรมกายเท่านั้น ที่ถูกต้อง

การได้บุญบารมีนั้น ไม่ใช่ว่า เราทำแล้วจะได้บุญโดยอัตโนมัติ เหมือนกับการกินอาหาร ซึ่งจะอิ่มโดยอัตโนมัติ 

ทุกครั้งที่ทำบุญ เราจะได้บุญก็ต่อเมื่อ พระพุทธเจ้าทรงคำนวณบารมีให้ ซึ่งจะได้มาก ได้น้อยก็ขึ้นอยู่กับพระพุทธเจ้า

ตรงนี้ต้องขอบอกก่อนว่า พระพุทธองค์นั้น ทรงยุติธรรมและมีเมตตาอย่างไม่มีประมาณ คือ แม้แต่คนที่เกลียดพระพุทธเจ้า แต่ถ้าทำบุญในศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าก็ทรงคำนวณบารมีให้

กลับมาที่การฟังเทศน์ ฟังธรรม  โดยปกติแล้ว ทุกคนก็ต้องไปร่วมงานบุญ ถึงจะได้ฟังเทศน์ฟังธรรม  การที่คนใดคนหนึ่งจะไปร่วมงานบุญได้ มันก็ต้องปัจจัยหลายอย่าง

อย่างน้อยที่สุด ก็ต้องเสียสละเงิน เวลา ที่จะต้องไปร่วมงานดังกล่าว  การเสียสละแบบนี้ก็ได้บุญไปอย่างหนึ่งแล้ว

ต่อมาเรื่องการฟังธรรมหรือสวดมนต์เป็นภาษาบาลีไม่รู้เรื่อง  ยกตัวอย่างเช่น ไปงานศพ ฟังพระสวด แล้วไม่รู้เรื่อง

คำว่า “ไม่รู้เรื่อง” นี่ จริงแล้วต้องเขียนว่า “ไม่เข้าใจ” คือ รู้เรื่องว่าเป็นบทสวดมนต์ของพระ แต่ไม่เข้าใจ เพราะ ไม่รู้จักภาษาบาลี

การตั้งใจฟังก็เป็นบุญแล้ว เพราะ กายของเรามี 18 กาย  ไอ้กายเนื้อมันไม่เข้าใจ แต่กายละเอียดอีก 17 กาย มันเข้าใจ

การที่ไอ้กายเนื้อ มันไปงานบุญด้วยสาเหตุใดก็ตาม  กายละเอียด 17 กาย มันดีใจจนเนื้อเต้น เพราะ มันจะได้บุญ

เรื่องค้างคาวก็เช่นเดียวกัน  การเป็นค้างคาวนั้น มันเป็นเฉพาะกายเนื้อของค้างคาวเท่านั้น กายข้างในเป็นคนทั้งหมด แต่กายไม่ใสเท่านั้น

การที่กายละเอียดได้ฟังธรรม ค้างคาวจึงได้บุญไปด้วย 

-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น