บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ท่านเชื่อไสยศาสตร์ไหม


บทความนี้ ผมปรับปรุงขึ้นมาใหม่ เมื่อก่อนนี้ใช้ชื่อตามคนที่เข้ามาถาม เมื่อมีคนมาถามมากเข้า จึงต้องตั้งชื่อตามประเด็นที่ถาม

ดังนั้น เมื่อปรับปรุงใหม่ จึงต้องเปลี่ยนชื่อบทความไปตามประเด็นที่ถามด้วย  บทความนี้ เดิมชื่อ “คำถามคุณ Ladypidat

ท่านถามไว้ ดังนี้

สวัสดีค่ะท่าน

ดิฉันได้อ่านข่าวของท่านในออนไลน์ ดิฉันอยากถามว่า ท่านเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ไหม

มีคนใช้ไสยศาสตร์ทำลายศาสนา ทำกับแม่ชีให้เจ็บปวดทรมาน เพราะไม่ทำตามคำสั่งเขา ทำใส่หลวงพ่อให้หลงใหลในตัวเขา แต่โชคดีที่รักษาแม่ชีไว้ได้

แต่ก็ต้องออกจากวัดนั้นไปอยู่ที่วัดอื่น พวกชาวบ้านเขาไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์เลยทำอะไรไม่ได้

ขอบพระคุณอย่างสูง

คำถามของคุณ Ladypidat ท่านถามไว้แค่นั้นจริงๆ แล้วไม่ได้ขยายความหรือยกตัวอย่างออกมาว่า เหตุการณ์นั้น เกิดที่ไหนอย่างไร

ผมก็เลยไม่รู้รายละเอียดอันใด แต่ก็ต้องตอบไปตามหลักการ ดังนี้

ขอตอบไปทีละประเด็น ดังนี้

1) ไสยศาสตร์มีจริงไหม

ขอยกความรู้ดังกล่าวมาจากบทความ “ไสยศาสตร์” ของวิกิพีเดียเลยดีกว่า ง่ายดี คนสนใจก็ตามไปอ่านได้ทันที

ไสยศาสตร์เป็นวิชาเกี่ยวกับเวทมนตร์ คาถา และ เลขยันต์ ประกอบกับการใช้อำนาจสมาธิจิต การสาธยายเวทมนตร์คาถา การภาวนา และการปลุกเสก

ศาสตร์มืด หรือการทำ "คุณไสย" ในพจนานุกรมไทยให้คำจำกัดความ คุณไสย ว่า "เป็นพิธีกรรมเพื่อทำร้ายอมิตร" เป็นศาสตร์ที่ทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ แต่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป และมีคนเชื่อและผู้ปฏิบัติทั่วโลก

สรุปแล้วไสยศาสตร์ก็คือการทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น โดยผิดแปลกจากกฎของธรรมชาติ เช่น ทำให้สามีภรรยาที่ดีกันทะเลาะและแยกทางกัน ทำให้สาวหลงรักหนุ่มที่เคยเกลียด

ซึ่งปกติแล้วจะใช้ไสยศาสตร์มาใช้ในทางที่ชั่วร้าย โดยเฉพาะการทำ "คุณไสย" ที่เป็นพิธีกรรมเพื่อทำร้ายผู้ไม่เป็นมิตรด้วยการปลุกเสกสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปในตัว หรือฝังรูปฝังรอย หรือการทำเสน่ห์ยาแฝด ลงนะ จากผู้ที่อ้างตัวว่ามีอาคม

ไสยศาสตร์ถือเป็นศาสตร์ที่ลี้ลับมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ และมีทั่วโลกแม้กระทั่งในเวลาปัจจุบัน แม้รูปแบบจะแตกต่างกัน แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การทำอันตรายต่อผู้คนด้วยวิธีที่ลี้ลับ

ลัทธิไสยศาสตร์ ได้เกิดขึ้นมาก่อนพุทธกาล ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ไตรเพท ในลัทธิของพราหมณ์ ได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ

คัมภีร์แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ทางเวทมนตร์คาถา มี 8 ประเภทคือ

พระเวทย์แก้โรคต่าง ๆ
พระเวทย์ประสาน
พระเวทย์สะเดาะ เช่น สะเดาะกุญแจและโซ่ตรวน
พระเวทย์ป้องกันตัว เช่น คาถาแคล้วคลาด
พระเวทย์แสดงปาฎิหาริย์
พระเวทย์ทำอันตรายผู้อื่น
พระเวทย์แก้ภูติผีปีศาจ เช่น คาถาสะกดวิญญาณ
พระเวทย์ทำเสน่ห์ เช่น มนตร์เทพรำจวญ

ไสยศาสตร์ดังกล่าวนั้น  โดยหลักการทั่วๆ ไป “มีจริง ทำได้จริง”  ในพระไตรปิฎกก็มีปรากฏว่า เพราะ ภิกษุสาวกของพระพุทธองค์โดนไสยศาสตร์  พระพุทธองค์ก็ต้องทรงมาจัดการ

อย่างไรก็ดี  โดยลักษณะการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางไสยศาสตร์นั้น  มีข้อจำกัด คือ ส่วนใหญ่จะถ่ายโอนให้ลูก ให้ลูกศิษย์ที่รักเป็นพิเศษ ไสยศาสตร์ต่างๆ ก็หายไปเรื่อยๆ

ประการสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้ก็คือ  การที่คน “ไม่เชื่อ” เรื่องนี้มากขึ้น เพราะ การศึกษากับวิทยาศาสตร์  ก็ทำให้ไสยศาสตร์เสื่อมลงไปอีก

ในทางวิชาธรรมกายนั้น สามารถอธิบายได้ดีกว่า ตำราด้านบนที่ยกไปแล้ว

ดังได้กล่าวมาหลายครั้งแล้วว่า  ในสากลโลก สากลธรรมนี้ มีภาคพระ ภาคมาร

ภาคเป็นกลาง  ภาคพระต้องการให้คนทำความดี เพื่อที่จะไปอยู่ในนิพพาน   ภาคมารไม่ต้องการอย่างนั้น  อยากคนคนมีทุกข์ ฯลฯ เพราะ เขาได้บารมีจากความทุกข์ยากของคน ก็ขัดขวางภาคพระทุกวิถีทาง

ภาคเป็นกลางนั้น ไม่เป็นโล้เป็นพาย  ภาคไหนมีอำนาจก็ไปเข้ากับภาคนั้น

พวกไสยศาสตร์ทั้งหมด เป็น “สาวกของมาร” ทั้งสิ้น  พวกนี้ ถ้ามีคนเชื่อ นับถือมากๆ มีคนไปไหว้ไปกราบมากๆ  มันเก่งขึ้นจริงๆ  โดยอาศัยบารมีจากคนที่หลงเชื่อนั่นแหละ

2) ไสยศาสตร์มีฤทธิ์จริงไหม

ยืนยันได้เลยว่า มีฤทธิ์จริง   พวกที่เก่งมาก มีฤทธิ์มาก ก็ทำอะไรได้มากมาย ส่งผลให้เป็นคุณ เป็นโทษได้จริง 

แต่ก็อย่าลืมว่า ในปัจจุบัน มีพวกหลอกกินจากไสยศาสตร์เยอะ  พวกนี้ จึงไม่มีฤทธิ์เดชอะไร

3) ผมเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ไหม

ผมเชื่อว่าไสยศาสตร์มีจริง 

ในชีวิตของผม ผมสัก “สิงห์” ที่ไหล่ของผมทั้ง 2 ข้าง  ข้างละสำนักอาจารย์  ผมเชื่อตามคำบอกของรุ่นนี่ สักแล้วจะมีอำนาจ จะเหนียว ยิงไม่เข้า ฟันไม่ออก

ในยุคนั้น ผมยังแยกไม่ออกระหว่างพุทธศาสตร์ กับไสยศาสตร์ว่าเป็นคนละเรื่องกัน  เพราะ คนที่สักสิงห์ตัวที่สองให้ผมนั้น  ก็เป็นพระ

ดังนั้น  ผมเชื่อว่าไสยศาสตร์มีจริง  แต่ผมไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับไสยศาสตร์มานานแล้ว

4) จะป้องกันไสยศาสตร์ได้อย่างไร

ต้องเรียนวิชาธรรมกายอย่างเดียว เพราะ วิชาอื่นๆ ไม่สามารถป้องกันไสยศาสตร์ได้เต็มที่

การเอาใจไปตั้งไว้ที่ฐานที่ 7 อยู่เหนือระดับสะดือ 2 นิ้วมือของใครของมันนั้น และภาวนาว่า สัมมา อะระหัง พร้อมกับนึกให้เห็นดวงใสไปด้วย

ปฏิบัติแค่นี้ ก็ป้องกันไสยศาสตร์ได้แล้ว  เนื่องจาก เมื่อเราปฏิบัติอย่างนั้น พระพุทธเจ้าจะทรงมาคุ้มครองเราทันที

สำหรับเรื่องรายละเอียดต่างๆ ที่เล่ามานั้น  ไม่สามารถให้ความเห็นอะไรได้ เพราะ ข้อมูลน้อยเกินไป และก็เป็นเรื่องภายในเกินไป

-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989


2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ10 มกราคม 2558 เวลา 22:41

    การเอาใจไปตั้งไว้ที่ฐานที่ 7 อยู่เหนือระดับสะดือ 2 นิ้วมือของใครของมันนั้น และภาวนาว่า สัมมา อะระหัง พร้อมกับนึกให้เห็นดวงใสไปด้วย

    จากคำข้างต้น
    ถ้าทำแล้วต้องเราเห็นดวงใสใช่มั้ยคะ
    พระพุทธเจ้าจึงมาค้มครองเรา
    กับ
    ถ้ายังไม่เห็นพระพุทธเจ้าก็จะไม่ค้มครองเราได้ เข้าใจตามนี้ถูกต้องมั้ยคะ

    ตอบลบ
  2. ยกข้อความเดิมก่อน "ภาวนาว่า สัมมา อะระหัง พร้อมกับนึกให้เห็นดวงใสไปด้วย"

    ทำแค่นั้น ยังไม่ต้องเห็นดวงใส พระพุทธเจ้าก็จะมาคุ้มครองเราแล้ว แต่คุณยังไม่รู้ คุณจะเชื่อตามคำบอกของผม

    แต่ถ้าเมื่อไหร่เห็นดวงธรรม เห็นกายธรรม คุณจะสามารถพูดกับพระพุทธเจ้าได้เองเลย คราวนี้จะเชื่อด้วยตัวของคุณเอง

    ตอบลบ