บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ศาสนาพุทธสอนมั่ว วกวน



มีคนเข้าไปตั้งกระทู้ในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ที่น่าสนใจ และควรนำมาวิพากษ์วิจารณ์กัน กระทู้นั้นชื่อ “สิ่งที่ผมคาใจ ในเรื่องศาสนาพุทธ มีหลายอย่างด้วยกันครับ หลายคนคงอยากจะรู้

เนื้อหาของกระทู้ก็เป็นดังนี้

ข้อแรก  หากนรกสวรรค์มีจริง ทำไมเราถึงมองไม่เห็น และทำไมศาสนาอื่นเขาถึงไม่เชื่อแบบพุทธ

ทำไมมีศาสนาแบบอื่นๆ หรือลัทธิอื่นเกิดขึ้นบนโลกมากมาย  และทำไมชีวิตหลังความตาย ถึงไม่เหมือนกัน บางศาสนาบอกว่า ไปพบพระเจ้าเพื่อรอวันพิพากษา

แถมพุทธศาสนาชีวิตหลังความตาย ยังเอาแน่เอานอนไม่ใด้ บางตำราบอกว่าตายแล้วต้องเกิดไหม่ทันที  บางตำราว่า ตายแล้ววิญญาณเร่ร่อน กลายไปเป็นสัมพเวสี บ้าง ตายไปแล้วไม่ใด้ผุดไม่ใด้เกิด 

ผมว่า ศาสนาพุธนี่แหละ ที่สอนวกวน จับสาระอะไรไม่ใด้เลย

ชีวิตหลังความตาย พวกเรายังไม่รู้เลยว่าตกลงเราจะไปเกิดทันทีเลย หรือต้องไปเป็นผีสาง หรือเปรต อสรุกาย

ข้อนี้ ยังงงกันอยู่ในหมู่นักทำบุญ บ้างก็ว่าทำบุญทั้งชีวิต พอใกล้ตายเกิดหูแว่วได้ยินเสียงหมู หมา กาไก่ ก็จะทำไห้ไปเกิด เป็นสัตว์เดรัชฉาน  มันค่อนข้างจะไม่ยุติธรรมกับคนที่เขาทำบุญมาทั้งชีวิต 

บางคนทำความชั่วมาตลอดชีวิต พอใกล้จะตายเกิดสำนึกกลัวในบาปกรรม ก็ไปบวชได้ปี-2ปี พอใกล้ตาย จิตใจสงบก็เข้านิพพานไปง่ายๆ ชะงั้น

นี่แหละครับ ความไม่แน่นอนของคำสอนพุธศาสนาของเรา

ประเด็นที่ถามมานั้น เป็นความรู้อย่างยิ่ง ในทางวิชาธรรมกายอธิบายได้ทั้งหมด แต่ก่อนอื่น ลองพิจารณาดูความคิดเห็นของคนอ่านกระทู้ดังกล่าวกันก่อน

คนที่ 1 ว่าดังนี้ “อ้าว.......มนุษย์ไม่ใช่ผู้วิเศษนี่ จะได้รู้หมด......... ขนาดเรื่องเดี๋ยวนี้ ทางวิทยาศาสตร์ยังรู้ไม่หมดเลย ต้องเปลี่ยนกฎ ทฤษฏีไปเรื่อยๆ  ถ้ารู้หมดก็ไม่ต้องค้นคว้ากันต่อไปแล้ว

คำตอบของคุณคนนี้ ดูเหมือนจะมีเหตุผล แต่มันก็ไม่ได้ตอบคำถามของคนตั้งกระทู้

คนที่ 2 ว่าดังนี้  พุทธศาสนาที่คุณรู้ ไม่ใช่พุทธศาสนาแท้ เท่านั้นเองครับ”

ไอ้นี่ก็กำปั้นทุบดินเกินไป และไม่ได้ตอบคำถาม คนตั้งกระทู้เขาก็สงสัยในเรื่องนี้นั่นแหละ

คนที่ 3 ว่าดังนี้  จับสาระอะไรไม่ได้ เพราะคุณคว้าสะเปะสะปะไปหมดไงครับ จุดมุ่งหมายเดียวของศาสนาพุทธคือดับทุกข์ครับ”

คนนี้พอจะเข้าประเด็นบ้างที่ว่า “จับสาระอะไรไม่ได้ เพราะคุณคว้าสะเปะสะปะไปหมด แต่ก็ยังไม่ได้ตอบปัญญาของคนตั้งกระทู้อยู่ดี

คนที่ 4 ว่าดังนี้  แนะนำหนังสือพุทธธรรม โดยพระพรหมคุณาภรณ์นะคะ อ่านไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จับหลัก ของพุทธได้”

นี่คือ สาวกของพระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์/พระจังไรที่เปลืองข้าวสุกประชาชน  หนังสือของพระจังไรรูปนี้ ยิ่งอ่านยิ่งออกนอกศาสนา

คนที่ 5 ว่าดังนี้  อยากรู้ถึงขนาดนั้นไม่สนใจสัจจะที่อยู่ตรงหน้า  ผมว่าเจ้าของกระทู้ลองตายดูก่อนค่อยตัดสินใจแล้วกันครับ

ตรงนี้ คนตอบอาจจะอ่านหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์/พระจังไรที่เปลืองข้าวสุกประชาชน ซึ่งพระจังไรรูปนี้ก็แนะนำให้ทำอย่างนั้น

เป็นคำตอบที่ “กวนตีน” เกินไปหน่อย

คนที่ 6 ว่าดังนี้  ดีใจค่ะ ที่ตั้งคำถาม หวังว่าจะค้นหาคำตอบเจอค่ะ คงจะต้องใช้เวลาสักหน่อยในการทำความเข้าใจ แต่ก็เอาใจช่วย ขอให้เข้าใจเร็วๆ ค่ะ มือใหม่บนเส้นทาง

คนนี้ อยากเขียน แต่ไม่มีปัญญา คนเขียนอย่างนี้น่ารำคาญที่สุด  ไม่รู้จะเขียนไปทำไม

คนที่ 7 ว่าดังนี้  การที่เราไม่เข้าใจหรือเข้าใจไม่หมด ไม่ใช่ความผิดของสัจธรรมเลยครับ ความผิดของตัวเราเองที่ไม่มีปัญญาพอจะเข้าใจมัน ทั้ง ๆ ที่มันเป็นความจริงของธรรมชาติ

อันนี้เข้าท่า แต่ก็ไม่ได้ตอบปัญหา

ตอนแรกของตอบแบบวิทยาศาสตร์ก่อน ดังนี้

คำถามแบบเจ้าของกระทู้นี้จะพบเห็นกันโดยทั่วไป  มันเกิดจากความเชื่อวิทยาศาสตร์เก่าแบบนิวตัน หรือเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า วิทยาศาสตร์แบบกลไก แยกส่วน ลดทอน 

ความเชื่อของวิทยาศาสตร์เก่าแบบนิวตันนั้น จะเชื่อว่า “ความจริง” มีหนึ่งเดียว และไม่เกี่ยวข้องกับมนุษย์มะนาคนไหน  เหมือนความจริงมันลอยๆ อยู่  คนทุกคนจะต้องพบ “ความจริง” แบบนี้เหมือนกัน

พอคนตั้งกระทู้ไปเจอคำสอนที่แตกต่างกัน ก็จึงสับสนว่า จริงๆ แล้ว “ความจริงหนึ่งเดียว” นั้นมันคืออะไรกันแน่

ความเชื่อของวิทยาศาสตร์เก่าแบบนิวตันนั้น ยังมีความเชื่อซึ่งพวกเขาคิดว่าเป็นจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือ สิ่งที่มีอยู่จริงจะต้องสัมผัสด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ หู ตา จมูก ลิ้น และกาย  ดังนั้น จึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า “ถ้านรกสวรรค์มีจริง ทำไมจึงมองไม่เห็น

ตอบแบบวิชาธรรมกายบ้าง ดังนี้

วิชาธรรมกายนั้น ขอบอกก่อนว่า ก็เป็นวิชาที่พระพุทธเจ้าสอน แต่ในระยะหลังๆ ไม่มีคนปฏิบัติได้ จึงทำให้คิดว่า “เป็นวิชาที่ไม่จริง

ในวิชาธรรมกายมีคำสอนถึง “มาร” ว่ามีฤทธิ์มาก ในพระไตรปิฎกก็กล่าวถึงไว้ คือ พระพุทธเจ้าทรงกล่าวไว้เลยว่า “มารแข็งที่สุด  ซึ่งก็คือมีฤทธิ์มากนี่แหละ

หน้าที่ของมาของ “ขวาง” การทำความดี คือ ขวางวิชาธรรมกาย จึงเบี่ยงเบนคำสอนของศาสนาพุทธที่ถูกต้อง ให้เกิดเป็นสายโน้น สายนี้ 

ที่หนักๆ ก็คือ สร้างศาสนาอื่นๆ ขึ้นมาแข่ง  ทำให้คนหลงเชื่อไปมากมาย

ที่นี้ สวรรค์นรกนั้น มันจะเห็นกันได้หรือไม่  ในพระไตรปิฎกก็ยืนยันว่า “เห็นได้” เพราะ ตาของคนเรามี 5 ประเภท คือ 1) มังสจักษุ/ตาเนื้อ 2) ทิพยจักษุ 3) ปัญญาจักษุ 4) พุทธจักษุ และ 5) สมันตจักษุ

-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989

2 ความคิดเห็น:

  1. คนที่ถามนะครับเข้าไม่ถึงพุทธ ช่างน่าสงสาร

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ12 กรกฎาคม 2561 เวลา 06:49

    มึง จบ ดร. มาได้ไงอะ

    ตอบลบ