มีคนเข้าไปตั้งกระทู้ในห้องศาสนา เว็บพันธุ์ทิพย์น่าสนใจมาก กระทู้นั้นชื่อ “การที่เราปริยัติ-ปฎิบัติ-ปฎิเวก แล้วยังไม่เข้ากระแสอริยะมรรค มีโสดาเป็นเบื้องต้น มันไปติดตรงไหน ??
ที่ว่าน่าสนใจก็เพราะ
ประเด็นนี้ วิทยากรของเราเคยถามมาแล้ว
ไม่ได้ถามในพันธุ์ทิพย์ แต่ถามไปที่พระพุทธองค์เลย พระพุทธองค์ทรงตอบมาแล้วด้วย
ลองมาดูเนื้อหาของกระทู้กันก่อน
ผมยกตัวอย่างครับ
ไม่ได้ทำในที่เขียน ***
ทำตามหลักพระไตรปิฎกทุกอย่าง
สะสมอินทรีย์ก็แก่กล้ามากแล้ว เพราะปฎิบัติธรรมทุกวัน
แล้วยังไม่ได้โสดาเป็นเบื้องหน้า แบบนี้ไปติดตรงไหน
เป็นเพราะกรรม
เป็นเพราะ อภิวาสนา เป็นเพราะยังความเพียร แบบการ์ตูนพระมหาชนก ยังไม่พอ
แล้วไปติดตรงไหน
|
คนตั้งกระทู้นั้น
ท่าน “เสือก” อยากรู้ขึ้นมาเฉยๆ ท่านไม่ได้ปฏิบัติจนถึงขั้นใกล้พระโสดาบัน
แล้วจึงสงสัย
ผมอ่านชื่อกระทู้แล้ว
ก็รู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า คนตั้งกระทู้มันคงไม่ได้มีความรู้อะไรมากนัก คำว่า “ปฏิเวธ” มันยังเขียนผิดเป็น “ปฎิเวก”
มาดูความคิดเห็นของพวกในพันธุ์ทิพย์กันก่อน
ความคิดเห็นที่พอจะเข้าท่าเข้าทาง
ก็คือ ความคิดเห็นที่ 7 ด้านล่างนี้
ความคิดเห็นก่อนหน้านี้ ไม่ได้ช่วยให้มีความรู้อะไรเพิ่มขึ้นเลย
ผมคิดว่าเราต้องเช็คที่คุณสมบัติของ
"พระโสดาบัน" ก่อนครับ
คุณสมบัติของพระโสดาบัน
ต้องละสังโยชน์ 3 ข้อแรกได้ครับ
1.
สักกายทิฏฐิ - มีความเห็นว่า ร่างกายนี้เป็นของเรา เรานี้เป็นร่างกาย
2.
วิจิกิจฉา - มีความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
3.
สีลัพพตปรามาส - ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย ศีลไม่ครบ
ฯลฯ
|
อย่างไรก็ดี
ความคิดเห็นนี้ ก็บอกได้แค่นั้น คือ มาบอกเกณฑ์ว่า จะบรรลุโสดาบันต้องละสังโยชน์ 3
ให้ได้
แต่ความคิดเห็นนี้
ไม่ได้ตอบปัญหาของเจ้าของกระทู้แต่อย่างใด
คนถามนั้น
อาจจะรู้เกณฑ์ดังกล่าวแล้วก็ได้
แต่เขาสงสัยว่า คนที่ทั้งปริยัติ-ปฏิบัติ ในเมืองไทยที่เห็นๆ กันอยู่นั้น ทำไมไม่ถึงเข้าเกณฑ์การละสังโยชน์
3 เสียทีหนึ่ง
มาดูความคิดเห็นที่
23 ของควาย swinger
บ้าง คนๆ นี้เขาไม่ได้ชื่อ
“ควาย swinger” เขาใช้ชื่อว่า “swinger” เท่านั้น
แต่ด้วยความโง่
ความงี่เง่าของมัน ผมก็เลยจัดเข้าไว้ในกลุ่ม “ควายในพันธุ์ทิพย์” สนใจว่า มันโง่อยู่ในระดับไหน
ก็ลองคลิกไปอ่านได้
“ควาย swinger” ให้ความคิดเห็นในกระทู้ดังกล่าวไว้ดังนี้
อย่าไปใส่ใจหรือนึกถึงการบรรลุธรรม หรือการได้เป็นพระอริยะเจ้าเลย ปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆให้ต่อเนื่อง ไม่ย่อท้อ
เหมือนเราพยายามเติมนํ้าใส่โอ่งให้เต็ม
ถ้าเรามัวแต่มองนํ้าในโอ่งว่าเมื่อไหร่นํ้ามันถึงจะเต็มโอ่งเสียที
ถ้าปริมาณของนํ้าที่เราเติมเข้าไป
มันยังมีไม่เพียงพอกับขนาดความจุของโอ่ง ยังไงๆมันก็ยังไม่เต็ม
แต่ถ้าเราขยันเติมนํ้าไปเรื่อยๆโดยไม่ย่อท้อไม่สนใจมองนํ้าในโอ่งว่ามันจะเต็มหรือยัง เติมนํ้าไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อน
สักวันนึงนํ้ามันก็จะเต็มเองโดยที่เราไม่ต้องคาดหวังอะไรเลย
การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน เราต้องมีความเพียรไม่ย่อหย่อน
ไม่ต้องไปสนใจว่ามันจะบรรลุหรือไม่บรรลุ
ให้ลืมเรื่องการเป็นพระอริยะเจ้าไปเลย ไม่ต้องไปสนใจ
ปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆให้มันต่อเนื่องจนเกิดความชํานาญ
ดังพระบาลีที่ว่า "ภาวิตา พหุลีกตา " คือ
เจริญให้มากๆแล้ว
กระทําให้มากๆแล้ว
วันหนึ่งธรรมย่อมปรากฏขึ้นเอง
ธรรมมันจะมาเองเมื่อเหตุปัจจัยมันเต็มสมบูรณ์ มันมาปรากฏได้ทุกเวลา ทุกขณะ ทุกอิริยาบท
การมาปรากฏของธรรม แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน แต่ความเห็นความเข้าใจต้องเหมือนกัน เพราะมันเป็นสัจจะธรรม
จิตมันรู้เอง จิตมันละเอง จิตมันปล่อยวางเอง
เพราะมันเป็นของแท้มันไม่หวั่นไหวต่อการพิสูจน์
มันมั่นคง
มันจะติดใจไปตลอดกาลไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอื่น เพราะมันเป็นของจริง สัจจะธรรมย่อมมีเพียงหนึ่งเดียว
|
ความคิดเห็นนี้
แสดงความเป็นสมองหมา ปัญญาควายของ “ควาย swinger”
ตัวนี้ได้เป็นอย่างดี
คนตั้งกระทู้เขาอยากรู้ มันก็เสือกตอบว่า “อย่าอยากรู้”
ในประเด็นที่เขาถาม
ไม่รู้ว่า
มันจะมาตอบเขาทำไม น่าจะแดกหญ้าอยู่เฉยๆ จะเหมาะสมกว่า
มีคนตอบถูกนิดหน่อยแบบบังเอิญ
ก็คือ ความคิดเห็นที่ 26 คนๆ
นี้เขียนไว้เยอะ แต่เละเทะเป็นส่วนใหญ่
คำตอบที่เกือบจะถูกก็คือ
ข้อความด้านล่างนี้
6.
เมื่อถึงเวลาคือ บารมีเต็มแล้วก็จะเปลี่ยนจากโสดาบันแคนดิเดทเป็นพระโสดาบันเต็มตัว
แล้วค่อยเลื่อนชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ
เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นไม่ต้องรีบร้อนอะไร
สบายๆ แต่จะต้องปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ จนเป็นธรรมชาติของตัวเราเอง
|
ที่ว่าเกือบถูกก็คือ
“บารมีเต็ม” กิเลสจะหมดเป็นสมุทเฉทประหารได้ จะต้องมีบารมีเต็มก่อน
เข้ามาถึงคำตอบของวิชาธรรมกายที่ได้มาจากพระพุทธองค์โดยตรง
ขอบอกก่อนว่า
วิชาธรรมกายนั้น เราสามารถเข้าไปทูลถามพระพุทธองค์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ
แบบไม่ต้องมารอคิวกัน
วิทยากรคนหนึ่งทำวิชาเข้าไปถามพระองค์ว่า
“เมื่อไหร่ จะกิเลสหมดเสียที”
พระองค์ทรงตอบว่า
“ถ้าบารมีไม่เต็ม กิเลสไม่มีทางหมด”
พระองค์ยังทรงตรัสต่อไปว่า
ให้สร้างบารมีไปก่อน คือ ให้ไปสอนวิชาธรรมกายให้มากขึ้น เมื่อบารมีเต็ม
กิเลสจะหมดไปเอง
การที่กิเลสหมด
ก็จะเข้าสู่โคตรภูบุคคล เหลือแต่สังโยชน์อีก 10 ประการ เมื่อละสังโยชน์เบื้องต้น 3
ประการได้แล้ว ก็จะบรรลุโสดาบัน
จะเห็นได้ว่า วิชาธรรมกายสามารถอธิบายปัญหาต่างๆ ได้อย่าง “รู้” และ “เข้าใจ”
อย่างที่สายปฏิบัติอื่นๆ หรือพวกปริยัติไม่สามารถทำได้
-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น