บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ทำไม ร่างกายไม่ใช่ของเรา



มีกระทู้ของห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ที่น่าสนใจ และเห็นสมควรที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์กัน เพราะ เนื้อหาของกระทู้ดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความสมองหมา ปัญญาควายของพวกพุทธเชิงคัมภีร์/พุทธวิชาการ/พวกปริยัติทั้งหลาย

กระทู้นั้นชื่อ “ทำไมจึงกล่าวว่า ร่างกายไม่ใช่ของเราครับ”  เนื้อหาของกระทู้ ก็เป็นอย่างชื่อกระทู้

เรามาดูความคิดเห็นที่ผมว่า “สมองหมา ปัญญาควาย” กัน ให้ดูตัวอย่างก็พอ

เพราะ "ร่างกายนั้น" เราบังคับมันไม่ได้ครับ สาเหตุที่บังคับมันไม่ได้ก็เพราะ มันไม่ใช่ของเรา ครับ คนอาจเข้าใจว่า เพราะว่า เรารู้สึกถึงมันมันจึงเป็นต้องของๆ เรา

ในสัจจะนั้น มันรู้สึก เพราะหน้าที่ของมันคือมีความรู้สึก

แต่คนทั่วไปยึดมั่นด้วยอุปาทานว่า เรารู้สึกเพราะมันเป็นของเรา จึงเกิดเป็นความถือผิดในธรรมชาติ "ร่างกาย" ขึ้นครับ

ดังนั้น สิ่งที่ถูกคือเรารู้สึกถึงทุกๆอย่างทั้งหมด แต่มันทั้งหลายนั้น ไม่ใช่ของๆ เรา แม้แต่ความรู้สึก ว่าเรา ว่าของๆ เรา ครับ

ส่วนใหญ่แล้ว พุทธเชิงคัมภีร์/พุทธวิชาการ/พวกปริยัติทั้งหลายก็จะอธิบายไปในทำนองนี้ คือ ที่ว่า ร่างกายหรือขันธ์ 5 ไม่มีตัวตน/ไม่ใช่ของเรา เพราะ “บังคับไม่ได้” 

เหตุผลสนับสนุนที่ว่า ร่างกาย ไม่มีตัวตน/ไม่ใช่ของเรา เพราะ “บังคับไม่ได้”  ของพุทธเชิงคัมภีร์/พุทธวิชาการ/พวกปริยัติทั้งหลายนั้น เป็นเหตุผลที่บิดเบือน ไม่ได้เป็นเหตุผลที่บริสุทธิ์ใจอย่างตรงไป ตรงมา

ความผิดพลาดของเหตุผลดังกล่าว เป็นเพราะ พุทธเชิงคัมภีร์/พุทธวิชาการ/พวกปริยัติทั้งหลายไปเชื่อวิทยาศาสตร์ ไม่ได้เชื่อศาสนา 

พวกนี้ อาศัยศาสนาหากินเพื่อเลี้ยงชีพเท่านั้น แต่ทำลายศาสนาอย่างหนักหนาสาหัส แต่การทำลายดังกล่าว อยู่ในคราบของนักวิชาการ คนส่วนใหญ่จึงไม่รู้เรื่อง และไม่เข้าใจ

พุทธเชิงคัมภีร์/พุทธวิชาการ/พวกปริยัติทั้งหลาย ทั้งปวงนั้น ส่วนใหญ่ตายไปแล้ว ไปอบายภูมิกันทั้งนั้น

พวกนี้เชื่อตามวิทยาศาสตร์ว่า คนเราเกิดมาแล้วตายหนเดียวเท่านั้น  เมื่อเชื่อว่าเกิดแล้วตายครั้งเดียว เหตุผลต่างๆ ที่จะโยงไปได้ว่า “มีการตายแล้วเกิด”  พวกนี้ก็จะไม่กล่าวถึง  

ถ้าจะมีการกล่าวถึง ก็จะพูดให้มันคลุมเครือไป 

ที่มาของเหตุผลนั้น มาจากคำว่า “อนัตตาไม่ใช่ตัวตนของเรา”  แต่พวกพุทธเชิงคัมภีร์/พุทธวิชาการ/พวกปริยัติทั้งหลายมักจะแปลว่า “อนัตตาไม่มีตัวตน/ไม่ใช่ของเรา” ซึ่งเป็นแปลที่มีเจตนาชั่วร้าย


ผมขอให้ดู อนัตตลักขณสูตรกันก่อนเลย  ดังนี้ 




ข้อความของอนัตตลักขณสูตร โดยเฉพาะที่เน้นสีเหลืองสีเขียวไว้นั้น เราต้องแปลว่า “ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนของเรา”

อนัตตา” ในข้อความของอนัตตลักขณสูตรนั้นต้องแปลว่า “ไม่ใช่ตัวตนของเรา”  การแปลเป็น “ไม่มีตัวตน/ไม่ใช่ของเรา” เป็นการแปลผิดที่มีเจตนาชั่วร้าย

ข้อความมันคล้ายกันมาก แต่ความหมายแตกต่างกันมากมายมหาศาล

ดังนั้น ร่างกายของเรา หรือขันธ์ห้าของเรานั้น เป็นตัวตนของเราแน่  เรามีร่างกายเป็นของเราแน่ๆ เรามีขันธ์ 5 เป็นของเราแน่ๆ

ถ้าไม่เชื่อ ไม่แน่ใจ ก็ก้มดูมือของเราเอง ก้มดูขาของเราเอง  ไม่แน่ใจก็ลูบๆ คลำๆ ดูเอาเอง จะเห็นว่า เรามีตัวตนของเรา มีร่างกายของเรา ก็สัมผัสได้ เห็นได้ชัดๆ

ไอ้พวกที่พูดว่า  ร่างกายไม่ใช่ของเรา ขันธ์ 5 ไม่ใช่ของเรา  ตัวตนของเราไม่มี  มันก็สมองหมา ปัญญาควายชัดๆ

อย่างไรก็ดี  ตัวตนของเรานั้น มี 2 ระดับ คือ ตัวตนในระดับโลกีย์ กับตัวตนในระดับโลกุตระ

ตัวตนในระดับโลกีย์นั้น ยังต้องปรุงแต่งกันอยู่ ยังตกอยู่ในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในวิชาธรรมกาย ก็ตั้งแต่กายมนุษย์หยาบ – กายอรูปพรหมละเอียด

ตัวตนในระดับโลกุตระ ไม่ต้องปรุงแต่งแล้ว  เป็นนิจจัง สุขัง อัตตาแล้ว ในวิชาธรรมกาย ก็กายธรรมทั้งหมด


ตัวตนในระดับโลกีย์นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกายเนื้อก็มีหลักฐานปรากฏอยู่อย่างเห็นได้ชัด  เอาประโยคอมตะของเรเน่ต์ เดส์การ์ตมายืนยันก็ได้




คำแปลที่รู้จักกันโดยทั่วไปก็คือ “ฉันคิด ฉันจึงมีอยู่

แต่ร่างกายของเรา ตัวตนของเรา ขันธ์ 5 ของเรา มันยังต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ ไม่คงที่ ยั่งยืน อย่าไปหลงใหลได้ปลื้มกับร่างกายของเรา

ร่างกายของเรา ตัวตนของเรา ขันธ์ 5 ของเรา เดี๋ยวมันก็แก่ เดี๋ยวมันก็เหี่ยว เดี๋ยวกับเป็นโรค เดี๋ยวก็ตาย

ต่อไปขอให้ดูหลักฐานสนับสนุนอีก 1 ชุด คือ สุภาษิตด้านล่างนี้

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
อตฺตา   หิ  อตฺตโน  นาโถ
ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า
อตฺตา  หเว   ชิตํ  เสยฺโย
บัณฑิตย่อมฝึกตน
อตฺตานํ   ทมยนฺติ  ปณฺฑิตา
จงเตือนตนด้วยตนเอง
อตฺตนา   โจทยตฺตานํ
ผู้ฝึกตนได้เป็นผู้ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์
ทนฺโต   เสฏฺโฐ  มนุสฺเสสุ

จะเห็นว่าพวก พุทธเชิงคัมภีร์/พุทธวิชาการ/พวกปริยัติทั้งหลาย เมื่อเอ่ยถึงเรื่องอนัตตาไม่ใช่ตัวตนของเรา  พวกจังไรเหล่านั้น จะไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องพุทธภาษิตเกี่ยวกับ “ตน” เหล่านี้เลย

ในทางวิชาการแล้ว มีศัพท์ว่า “pros and cons”  กล่าวคือ พวกพุทธเชิงคัมภีร์/พุทธวิชาการ/พวกปริยัติทั้งหลายจะต้องอธิบายให้ได้ว่า “ตน” ในพุทธภาษิตดังกล่าว “ไม่มี” อย่างไร

ขอยกตัวอย่างเดียวคือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”  ถ้าเราไม่มีตัวตน ร่างกายไม่ใช่ของเรา แล้วเราจะไม่พึ่งใครที่ไหน

จะเห็นได้ว่า วิชาธรรมกายอธิบายได้อย่างถูกต้องตรงเผงทุกประการ  ร่างกาย/ขันธ์ 5 เป็นตัวตนของเราอย่างแน่นอน 

ถึงแม้จะเป็นร่างกาย/ขันธ์ 5 ที่ยังต้องเปลี่ยนแปลง ปรุงแต่ง ฯลฯ เราก็ต้องพึ่งร่างกาย/ขันธ์ 5 นี้ก่อน เพราะ ถ้าไม่มีร่างกาย ไม่มีขันธ์ 5 เราก็สร้างบารมีไม่ได้ 

ใครไปเชื่อ พุทธเชิงคัมภีร์/พุทธวิชาการ/พวกปริยัติทั้งหลาย ก็เตรียมตัวไปอบายภูมิกันได้เลย เพราะ ความเป็นสมองหมา ปัญญาควายของพวกมันแท้ๆ



-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989


9 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. Buddhism.inspector ถามมาใหม่ ผมเขียนสับสนเอง ผมแก้ไขบทความแล้ว อ่านแล้วยังสงสัย ให้ถามมาใหม่อีกที

      ลบ
  2. เอาสั้นๆละ ขี้เกียจพิมพ์ครับ

    ข้อความ
    ไอ้พวกที่พูดว่า ร่างกายไม่ใช่ของเรา ขันธ์ 5 ไม่ใช่ของเรา ตัวตนของเราไม่มี มันก็สมองหมา ปัญญาควายชัดๆ

    น่าจะ ตัดเป็น
    ไอ้พวกที่พูดว่า ตัวตนของเราไม่มี มันก็สมองหมา ปัญญาควายชัดๆ


    ร่างกายไม่ใช่ของเรา ขันธ์ 5 ไม่ใช่ของเรา ตัดออก

    ถูกไหมครับ

    ตอบลบ
  3. ได้ ความหมายเหมือนกัน แต่สำนวนภาษามันของใครของมัน แล้วบางที มันก็ต้องมีการขยายความให้มากขึ้น

    ตอบลบ
  4. ขอเพิ่มครับ
    ผมเข้าใจว่า กำเนิดธาตุธรรมเดิม ( ที่มาจาก ธาตุ6 ธรรม6 ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ วิญญาณ )ขยายหยาบขึ้นมา คือ ตัวขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ มีขึ้นในวันที่ปฏิสนธิ สิ่งที่เกิดพร้อมกับขันธ์ ๕ คือ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒

    และจะสรุปได้ไหมว่า
    ขันธ์๕ เป็น นิจจัง สุขัง อัตตา มีในกายระดับโลกีย์ และ กายระดับโลกุตระ
    อายตนะ ๑๒ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีในกาย ระดับโลกีย์
    ธาตุ ๑๘ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีในกาย ระดับโลกีย์
    อินทรีย์ ๒๒ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีในกาย ระดับโลกีย์

    ใช้ได้ไหมครับ55+

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. โดยหลักการขันธ์ 5 เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
      สิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับขันธ์ 5 ก็ต้องเป็นตามนั้น ไม่ต้องไปลงรายละเอียดอย่างที่คุณว่า

      ข้อความที่ว่า "ขันธ์ ๕ เป็นนิจจัง สุขัง อัตตา" คุณพิมพ์ผิดหรือเปล่า

      ลบ
    2. ผมตั้งใจพิมไปอย่างนั้นจริงๆครับ
      ขันธ์๕ เป็น นิจจัง สุขัง อัตตา มีในกายระดับโลกีย์ และ กายระดับโลกุตระ

      ขอขยายความเข้าใจของผมว่า
      การที่กำเนิดธาตุธรรมเดิม ขยายเป็น ขันธ์5 นี้ถือเป็นขั้นตอนเรียกว่า จิตนี้ผุดผ่อง บริสุทธิ์ ผมจึงพูดว่า ขันธ์๕ เป็น นิจจัง สุขัง อัตตา แต่เศร้าหมอง เพราะ กิเลสที่จรมา กิเลสคือ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ ผมจึงพูดว่า ขันธ์๕ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

      และ ที่พูดว่า ขันธ์๕ เป็น นิจจัง สุขัง อัตตา มีในกายระดับโลกีย์ และ กายระดับโลกุตระ เพราะ ผมเข้าใจว่า ขันธ์๕ ก็คือ ขันธโลก เมื่ออยู่ในนิพพานเรียกว่า ธรรมขันธ์ อย่างนี้ครับ

      และโดยหลักการขันธ์ 5 เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตามีในกายระดับโลกีย์ เพราะ กิเลสที่จรมา

      โอ๊ย มึน ครับ
      +++
      สุดท้ายผมอยากรู้ว่า ขันธ์๕ กับ ขันธโลก เป็นอันเดียวกันไหมครับ

      ลบ
    3. คิคอย่างนั้นไม่ได้ ในภพสามทั้งหมด ไม่ว่าอะไรมีสภาวะเป็น อนิจจัง -ทุกขัง-อนัตตาหมด

      แต่เมื่อพัฒนาให้ละเอียดขึ้น เช่นกายของเรา คือ ขันธ์ 5 จนกระทั้งเข้านิพพานได้ สภาวะจะเปลี่ยนไปเป็น นิจจัง สุขัง อัตตา

      ขันธ์ 5 เป็นส่วนหนึ่งของขันธโลก

      ลบ