ทำไมเชื่อการเวียนว่ายตายเกิด

มีกระทู้น่าสนใจในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ชื่อ “ทำไมคุณถึงเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด”  

เนื้อหาของกระทู้นั้น มีการสำรวจความคิดเห็นด้วย  แต่ผมจะวิพากษ์วิจารณ์เฉพาะความคิดเห็นเท่านั้น 

เนื้อหาของกระทู้ก็เป็นดังนี้

อันนี้ผมทำขึ้นมาเพื่อสอบถาม ใครที่ตอบโพล ว่าเชื่อ ช่วยกรุณาชี้แจ้งเหตุผลด้วยนะครับ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกัน เพื่อจะนำไปสอนพวกที่ไม่เชื่อได้นะครับ

มีความคิดเห็นที่ 1 น่าสนใจมาก คือ กระเหี้ยนกระหือรือตอบเป็นคนแรกเลยว่า

โลกนี้มีอะไร สูญหายไปเลยไหม? ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง แต่ไม่มีอะไร ที่จะสูญหายไป เมื่อกายเราตายไป เน่าเปื่อย กลายเป็นดิน น้ำ ลม แล้วจิตเรา ความคิดของเราจะกลายเป็นอะไร? เมื่อทุกสิ่ง ไม่มีการสูญหาย จิตเราจึงควรจะมีที่ๆจะไปต่อ

ความคิดเห็นนี้  เอาความรู้เรื่อง “สสาร” ของทางวิทยาศาสตร์มาเป็นจุดอ้างอิง  กล่าวคือ สสารย่อมไม่สูญหายไปจากโลก  ดังนั้น ความคิดของคนก็ย่อมไม่สูญหายด้วยเช่นกัน  จิตก็ย่อมไปเกิดใหม่

อ่านแล้ว เหมือนจะดี แต่ปัญหาก็คือ “อะไรเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง “สสาร” กับ “จิต” ของคน 

ความคิดเห็นนี้ ก็เหมือนกับพวกบ้าวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย ทั้งพระ ทั้งฆราวาส คือ ชอบเอาวิทยาศาสตร์ไปชี้วัด “องค์ความรู้” อื่นๆ ว่าเป็นจริงหรือไม่จริง

ความคิดเห็นที่ 2

เมื่อก่อนไม่เชื่อ เพราะลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าทุกสิ่งมีเกิดมีดับ ทำไมคนเกิดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำไมมันไม่สมดุล แต่ต่อมาเริ่มคิดได้ คนเราเกิดได้ก็เพราะทรัพยากร ดิน น้ำ ต้นไม้ คนเรามากขึ้น แต่ทรัพยากรพวกนี้ลดลง มันจึงสมดุลกัน เมื่อคนเราตาย ทรัพยากรพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นมาให้คนที่เกิดใหม่อีกครั้ง และเพื่อความสมดุลเมื่อมีคนเกิดมากเกินไป ธรรมชาติก็จะทำให้คนตายเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาสมดุลเอง พลังงานของสิ่งที่ตายแล้วก็จะไปรวมกัน แล้วเกิดใหม่ มันเป็นวัฎจักร

ความคิดที่เห็นที่ 2 นี้  เป็นการคิดของคนเพ้อเจ้อ ไม่ได้มีหลักวิชาการอะไร  คิดไปเรื่อย  ถ้าไม่หยุดคิด  พวกนี้ไม่บ้า ก็ใกล้ๆ บ้า

ความคิดเห็นที่ 4

ถ้าถามตามแนวพุทธ คำตอบตามแนวพุทธก็มี สายการปฏิบัติของกลุ่มผม ก็ตอบได้ชัด นั่งฟอกกรรมเพื่อเห็นภพเห็นชาติ ก็เห็นได้จริงด้วยตนเอง

ความคิดเห็นที่ 4 มีทั้งผิดและถูก 

ประเด็นนี้ ควรจะใช้องค์ความรู้ของศาสนาพุทธก่อน  แต่ก็ไม่ใช่ว่า องค์ความรู้ในทางวิทยาศาสตร์ติดสินไม่ได้เลย

มันก็มีเหมือนกัน แต่มันต้องใช้ “การพิสูจน์ทางอ้อม” 

ในทางศาสนาพุทธนั้น การเวียนว่ายตายเกิดมีแน่นอน  แต่คงไม่ใช่แบบของความคิดเห็นที่ 4 ที่กล่าวมา  พวก “ฟอกกรรม” นั้น   ส่วนใหญ่เป็นวิธีการหากินของพวกหลอกลวง 

ความคิดเห็นที่ 9

เชื่อเพราะ เห็น/สัมผัส กับ "ผี" มาแล้ว  แม้ทุกวันนี้ "ผี" ก็ยังอยู่ที่บ้าน คนในบ้านทุกคน เห็นทั้งนั้น จนเหมือนสมาชิก คนหนึ่งของเราแล้ว  แล้วจะไม่เชื่อ การเวียน ว่าย ตาย เกิดได้อย่างไร

ความคิดเห็นนี้ ก็ออกมาแบบแปลกๆ คือ  “ผี” กับ “การเวียนว่ายตายเกิด” มันสัมพันธ์กันอย่างไร 

ผมนั้นเชื่อแน่ๆ ว่า มีการเวียนว่ายตายเกิด  เขียนบล็อกไว้ก็มาก  แต่ยืนยันการเวียนว่ายตายเกิดด้วยการเห็น “ผี” นี่  มันรับไม่ค่อยได้

ความคิดเห็นที่ 10

ผมไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด เพราะนั่นเป็นความเชื่อของพราหมณ์/ฮินดู

คนนี้ น่าจะเป็นสาวกของพุทธทาส  พุทธทาสท่านเชื่อวิทยาศาสตร์มากกว่าพระไตรปิฎก  ท่านเชื่อว่า ตายแล้วเกิดเพียงชาติเดียว

แต่ในพระไตรปิฎกมีเรื่องนรก สวรรค์ การเวียนว่ายตายเกิดมาก  ท่านไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร  ท่านก็ “โกหก” เอาดื้อๆ ว่า “เนื้อหาเหล่านั้นเป็นของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู”

มีความคิดเห็นที่น่าสนใจคือ ความคิดเห็นที่ 22  ดังนี้

เชื่อ เพราะเหตุผลอื่นๆ ก่อนครับ และโตขึ้นก็ได้พระพุทธศาสนาตอกย้ำความมั่นใจ สาเหตุเพราะ -เริ่มแรกชอบดูละคร นานแล้วครับ ละครไม่ดังเท่าไหร่ "เรือนแรม "ช่อง7 (วิลลี่ กับ กวาง กมลชนก) ตอนนั่นน่าจะซัก 10 ขวบ ดูไปก็สงสัยไปว่า.. คนเราเมื่อตาย ก็ต้องไปเกิดใหม่ เป็นคนนั้นคนนี้ ดูไปก็เชื่อว่าจริง  พลอตเรื่องเกี่ยวกับภพชาติ ตายจากนั่นมาเกิดเป็นนี้น่าจะ 4-5 ชาติ - ดูรายการผี ชมรมขนหัวลุก คิดว่าถ้าผีไม่มีจริง พวกเขาเหล่านี้จะมาเล่า เพื่อโกหกไปทำไม ได้อะไรกับชีวิต -หลังจากนั้นก็โตขึ้นเรื่อยๆ จนมาอ่านเจอหนังสือเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด ระบุตัวตน ที่อยู่ ชื่อนามในชาติก่อนได้.. แล้วก็เห็นว่า เออ อธิบาย เล่าได้ถูกหมด ก็ในเมื่อถูกหมดขนาดนี้ ทำไมเราถึงไม่เชื่อ -โตมาอีก คนรอบข้างบอกว่าเพ้อเจ้อ มันต้องวิทยาศาสตร์ ต้องนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งมาอธิบายมาตอบสิ ... ก็ไปเจอหนังสือ ที่ นักจิตวิทยา นักวิชาการทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง การกลับชาติมาเกิด มีบุคคลอ้างอิง และมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ - โตมาระดับ 30 ปีแล้วครับ ได้ศึกษาคำสอนต่างๆจากหนังสือธรรม จากเรื่องเล่าครูบาอาจารย์ที่นับถือ  ก็ยิ่งมั่นใจครับว่า มีจริง เพียงแต่พิสูจน์ทางโลกให้เห็นไม่ได้  เพราะถ้าพิสูจน์ได้  มันจะวุ่นวายมาก คนชาตินั้นมาตามหาคนชาตินี้ พ่อแม่อดีตมาเกิดใหม่เป็นเด็กน้อยตามหาลูกๆ โอย คงวุ่นวายน่าดูครับ

คนนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่อง “สังคมประกิต” คือ เชื่อไปตามกระบวนการของสังคม  สังคมไทยนั้น มีเรื่องพวกนี้อยู่รอบตัวและตลอดเวลา

พวกที่ไม่เชื่อ ส่วนใหญ่ก็ “บ้าวิทยาศาสตร์” ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป ก็อดจะเชื่อเรื่องพวกนี้ไม่ได้

สำหรับคำตอบในทางวิชาธรรมกายมีดังนี้

1) เนื้อหาของพระไตรปิฎกจำนวนยืนยันว่า ชาติหน้ามี อดีตชาติมี การเวียนว่ายตายเกิดมี  เนื้อหาของพระไตรปิฎกนั้น ไม่เคยขัดกัน

ความเชื่อที่ว่า “การเวียนว่ายตายเกิดไม่มี”  เป็นความเชื่อที่มาจากวิทยาศาสตร์  เป็นความเชื่อนอกองค์ความรู้ของศาสนา 

ใครที่เอาความเชื่อของวิทยาศาสตร์มาบอกว่า “การเวียนว่ายตายเกิดไม่มี”  ก็ต้องอธิบายก่อนว่า  มันมีหนังสือ หรือตำรา หรือนักวิทยาศาสตร์คนใดที่บอกว่า “วิทยาศาสตร์เป็นตัวชี้วัดความรู้อื่นๆ ได้”

ในฐานะที่เป็นเรียนปรัชญาในระดับปริญญาเอก  ผมยืนยันเลยว่า “ไม่มี”

2) เนื้อหาของวิชาธรรมกาย ซึ่งเป็นวิชาของพระพุทธเจ้า และในปัจจุบันสามารถอธิบายความหมายของพระไตรปิฎกได้ดีที่สุด  ก็ยืนยันเรื่อง “ชาติหน้ามี อดีตชาติมี การเวียนว่ายตายเกิดมี  ”

3) ประการนี้สำคัญที่สุด  มีคนปฏิบัติตามได้  เห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นอดีตชาติ  ที่ว่าปฏิบัติได้นั้น เป็นการปฏิบัติตามตำรา ซึ่งถูกต้องตามพระไตรปิฎกด้วย 

-------------------------

เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)

www.manaskomoltha.net

Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/

Line ID : manas4299

Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/

โทรศัพท์ : 083-4616989