ทำไม ดื่มสุราถึงบาป

วันนี้ ไปพบกระทู้โดนใจมากๆ เพราะ ชื่อกระทู้สั้นๆ นั้น มีประเด็นให้คิดมากเลยทีเดียว

ทั้งชื่อกระทู้กับเนื้อหาก็มีสั้นนิดเดียว ดังนั้น “ทำไมดื่มสุราถึงบาปครับ ทั้งที่ไม่ได้ทำร้ายใคร หรือไม่บาป แค่ผิดศีลเฉยๆ”

ประเด็นที่จะต้องตีให้แตกก่อนก็คือ “บาป” กับ “ศีล” มันคืออะไร และเกี่ยวข้องกันอย่างไร

การที่จะเข้าใจกับ “บาป” กับ “ศีล” ต้องชักแม่น้ำทั้ง 5 พอๆ กับแม่น้ำ 5 สาย ของ คสช.  อธิบายย้อนกลับไปถึงเรื่องจุดหมายปลายทางของมนุษย์ทุกคนก่อน

ผมได้กล่าวไปแล้วว่า สัตว์ในภพ 3 ทั้งหมดนี้ สุดท้ายเลยก็จะได้เข้าไปสู่อายตนะนิพพานทั้งหมด แต่จะไปโดยเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์สาวก ก็แล้วแต่ความประสงค์

การที่จะบรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์สาวกนั้น ต้องกำจัดกิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปดกับสังโยชน์ 10 ให้หมดก่อน 

ไอ้กิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปดกับสังโยชน์ 10 นี่ ไม่ใช่ว่า อยู่ดีๆ จะกำจัดออกไปได้ง่ายๆ เหมือนที่พระพม่าโกหกว่า ทำแบบพระพม่าแล้ว จะบรรลุพระอรหันต์ภายใน 7 ปี 7 เดือน 7 วัน

การที่จะกำจัดกิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปดกับสังโยชน์ 10 ได้นี่  เราต้องมีบารมีครบ 30 ทัศเสียก่อน ด้วยอำนาจของบารมีดังกล่าว จึงจะสามารถกำจัดกิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปดกับสังโยชน์ 10 ได้

การที่เราต้องเกิดมาแล้ว เกิดมาเล่า เสียน้ำตาในแต่ละชาติรวมกันมากกว่าน้ำในทะเลในโลกรวมกันทั้งหมด ก็เป็นเพราะว่า บารมี 30 ทัศ สร้างได้เฉพาะในโลกเท่านั้น

เมื่อพบศัพท์ที่ว่า “บารมี” แล้ว ศัพท์อีกคำหนึ่งที่ต้องเอามาคิดก็คือ “บุญ”   “บุญ” กับ “บารมี” นี่ เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร

เรื่องบุญ-บารมีนี้  ผมก็ไม่เคยเห็นใครอธิบายได้ดีเท่ากับหลวงพ่อวัดปากน้ำอีกแล้ว  นอกจากจะอธิบายได้ถูกต้อง แล้วยังสอนให้ไปดูได้อีกด้วย  ขอให้ดูตามหนังสือคู่มือสมภารด้านบน

ยกตัวอย่างเรื่องทานบารมีอย่างเดียว เพราะ เข้าใจง่ายที่สุด  เวลาเราไปทำบุญกับพระ หรือทำบุญอะไรก็ตาม  ถือว่าเป็นการสร้าง “ทานบารมี” 

เมื่อทำบุญปุ๊บ ดวงบุญในท้องของเราก็จะใหญ่ขึ้น  เมื่อดวงบุญใหญ่ขึ้น มีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 1 คืบ  ดวงบุญดังกล่าวจะกลั่นตัวเป็นทานบารมี ขนาด 1 นิ้ว  

1 นิ้วที่ว่านั้น หมายถึง 1 องคุลีของนิ้วชี้นะครับ  ใครไม่เข้าใจ ก็ดูที่มือของเรา นิ้วชี้จะมี 3 ข้อ  ข้อแรกนั้นแหละคือ 1 องคุลี 

ใครก็ตามเมื่อสร้างบารมีครบ 30 ทัศแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะพูดกันว่า “บารมีเต็มแล้ว” พระพุทธองค์ทรงสอนนิดเดียว ก็จะสามารถกำจัดกิเลส-สังโยชน์ได้หมด บรรลุเป็นพระอรหันต์ได้อย่างทันทีทันใด

มีตัวอย่างปรากฏมากมายในพระไตรปิฎก

ต่อมา ก็โยงเรื่องของ “บุญ” กับ “บาป” ก่อน

ผมได้บอกไปแล้วเรา เราเกิดมาก็เพื่อต้องการสร้าง “บุญ” เพราะ ถ้าได้ “บุญ” มากๆ เราก็จะสามารถตัดภพ ตัดชาติได้มาก 

แต่ถ้าเกิดมาแล้ว ดันไม่สร้าง “บุญ”  หรือสร้างนิดเดียว เฝ้าเพียรพยายามสร้างแต่ “บาป” บารมี 30 ทัศก็ไม่เต็มเสียที   

ต้องเกิดมาแล้ว เกิดมาอีก จนน้ำตารวมกันทุกชาติท่วมโลกได้เลยนั่นแหละ

“บุญ” กับ “บาป” นั้น มีลักษณะเป็นดวงนะครับ  หลวงพ่อวัดปากน้ำเขียนไว้แล้ว ในหนังสือคู่มือสมภาร  สามารถไปอ่านที่นี่  http://originalabbothandbook.blogspot.com/2011/11/blog-post_2134.html

ต่อมาก็โยงเข้าเรื่อง  “บุญ” กับ “บาป” กับ “ศีล”

“ศีล” นั้น พูดให้เข้าใจง่ายๆ และทันสมัยก็คือ ตัวชี้วัดว่าการกระทำของเรามันจะได้“บุญ” หรือได้“บาป”

การกระทำใดๆ ก็ตาม ที่ผิด “ศีล” ดวง “บาป” ของเราก็จะโตขึ้น  การกระทำใดๆ ก็ตาม ที่ไม่ผิด “ศีล”  ดวง “บุญ” ของเราก็จะโตขึ้น

เมื่อปูพื้นฐานเรียบร้อยแล้ว  เราก็มาเข้าเรื่องเสียทีว่า ดื่มสุรานั้น ผิดศีลเฉยๆ หรือว่าบาปด้วย

มีความคิดที่ 5 ที่พอจะนำมาเสนอได้ ณ ที่นี่  ความคิดเห็นอื่นๆ ก็สมองหมา ปัญญาควายเหมือนเดิม

สุราปานะ นี้ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติให้เป็นศีลข้อหนึ่งในจำนวนศีล ๕ และได้ทรงแสดงโทษอย่างหนักของการดื่มสุราไว้ในพระบาลีอังคุตตรนิกายว่า

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย การดื่มสุราและน้ำเมาต่างนี้ เมื่อดื่มเสมอๆ ดื่มมากๆ เข้า ดื่มหลายๆ ครั้งเข้า ย่อมสามารถนำไปสู่นิรยภูมิ ดิรัจฉาน เปตติภูมิ

โทษของการดื่มสุราเมรัยอย่างเบาที่สุดนั้น เมื่อมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ด้วยกุศลกรรมอื่นๆ ผู้นั้นก็ย่อมเป็นคนบ้า”

ขอบอกก่อนว่า ศีล 5 นั้น มีมาก่อนศาสนาพุทธนะครับ พระพุทธองค์ทรงรับเข้ามาในศาสนา พระพุทธองค์ทรงกำหนดศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ศีล 311 เท่านั้น

จากพุทธพจน์ที่ว่า “เมื่อดื่มเสมอๆ ดื่มมากๆ เข้า ดื่มหลายๆ ครั้งเข้า ย่อมสามารถนำไปสู่นิรยภูมิ ดิรัจฉาน เปตติภูมิ”  ขอตีความเพื่อเอาใจคนที่ยังไม่สามารถตัดใจจากสุราเมระยะอย่างเป็นสมุทเฉทประหารว่า 

ดื่มสุรานั้น ผิดศีลเฉยๆ ไม่บาปก็มี เป็นบาปหนักก็มี แล้วแต่ปริมาณกับระยะเวลาของการดื่ม

ขอยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ เลยก็คือ สุรานั้น พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ใส่ในอาหารได้  อนุญาตให้ผสมยาได้ 

ในกรณีของการผสมยานั้น ปริมาณของสุรา ห้ามเกิน 1 องคุลี

ไม่รู้ว่า ผู้ที่ท่องพระไตรปิฎกส่วนนี้ ละเลยโดยจงใจที่จะไม่บอก “ขนาด” ของภาชนะหรือเปล่า  พระบางรูปเล่นเอาฝาบาตรเป็นภาชนะ  ปริมาณ 1 องคุลีในฝาบาตร ก็เมาเพียบ 

ขออธิบายเพิ่มเติมสักนิดหนึ่ง เดี๋ยวคนอ่านจะงง..   ขอให้แบ่งแยกให้ดีระหว่างศีลพระ กับ ศีลฆราวาส

พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระภิกษุนำเหล้าใส่อาหารได้ ผสมยาได้ นั่นหมายความว่า พระทำอย่างนั้น พระไม่อาบัติในศีลของท่าน 227 ข้อ 

เราไปเลียนแบบท่าน คือ ใส่อาหารบ้าง ผสมยาบ้าง ไม่ต้องถึงกับใช้ฝาโอ่งเป็นภาชนะ มันผิดศีล 5 นะครับ

พิจารณาแยกแยะให้ดีว่า ศีลของใคร

โดยสรุป 

ในการเป็นฆราวาสนั้น เราไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงสุรา หรือจะพูดกันให้จริงจังก็คือ แอลกอฮอล์ไม่ได้แน่ๆ  เพราะ แอลกอฮอล์ไม่ได้อยู่ในขวดเหล้า ขวดเบียร์เสมอไป  อาจจะอยู่ในอาหาร ในยา ฯลฯ

เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้ว่า สิ่งนั้นมีแอลกอฮอล์อยู่ แล้วบริโภคเข้าไป มันก็ผิดศีลแน่ๆ แต่ไม่เป็นบาป ถ้ามันมีปริมาณน้อย และอยู่ในอาหาร หรือในยา

แต่ถ้าตั้งใจจะดื่มสุรา หรือเบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ นานา  มันก็คงทั้งผิดศีลด้วย บาปด้วย

ในความคิดเห็นส่วนตัว ถ้าดื่มน้อยๆ พอเป็นกระสายยา  ไม่ถึงขนาดลืมหน้าเพื่อนร่วมวง ก็คงไม่บาปอะไร

-------------------------

เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)

www.manaskomoltha.net

Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/

Line ID : manas4299

Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/

โทรศัพท์ : 083-4616989