บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ดวงตาเห็นธรรมคือยังไง



บทความนี้มาจากกระทู้ “ดวงตาเห็นธรรมคือยังไง” เนื้อหาของกระทู้ก็สั้นๆ ว่า

ดวงตาเห็นธรรมคือผู้รู้ และจะปฏิบัติธรรมต่อไป หรือแค่รู้เฉยๆ

คำตอบในวิชาธรรมกาย ก็ดูตามวิดิโอด้านบนเลย 

เมื่อเราปฏิบัติธรรมไปแล้วเห็น “ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน” หรือ “ดวงปฐมมรรค” ก็คือ เรามีดวงตาเห็นธรรมแล้ว

เรื่องง่ายๆ แค่นี้  แต่คนเชื่อน้อยมาก

คนจำนวนมากเลยที่ไปเชื่อ ในคำอธิบายที่ไม่ถูกต้อง แล้วกลับมาโจมตีคำสอนที่ถูกต้องอีก  ผมถึงต้องด่าไอ้พวกนั้นว่า “สมองหมา ปัญญาควาย” 

คำด่าของผมนั้น ถูกต้องแล้วครับ!!!!

สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่คำด่าของผม  สิ่งที่น่ากลัวก็คือ ใครก็ตามที่โจมตีคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำ  ตกนรกแบบสุดโหดกันทุกคน

ขออธิบายเพิ่มเติมเรื่องในขณะที่มีดวงตาเห็นธรรมสักเล็กน้อย

ในขณะที่นักเรียนกำลังปฏิบัติธรรมอยู่นั้น  นักเรียนหลับตาอยู่ เมื่อมีการเห็น “ดวงปฐมมรรค” ขึ้นมา  ก็แสดงว่า เด็กนักเรียนได้ใช้ตาอื่นๆ ไม่ใช่ตาเนื้อ/มังสะจักษุ  

นี่ก็คือ มีดวงตาเกิดขึ้น

สำหรับ “ดวงปฐมมรรค” ที่นักเรียนเห็นนั้น ก็คือ “ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน” ซึ่งก็คือ “ธรรมะ” หัวข้อหนึ่ง

ในเมื่อธรรมะมีลักษณะเป็นดวง  เราก็เรียกว่า “ดวงธรรม” ก็ถูกต้องแล้ว

หัวข้อธรรมะจำนวน 84,000 พระธรรมขันธ์นั้น  ในส่วนละเอียดมีลักษณะเป็น “ดวง” ทั้งสิ้น

เราไปดูคำตอบของพวกสมองหมา ปัญญาควายในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์พอให้เป็นที่ประเทืองปัญญาว่า ไอ้พวกนั้น มันโง่ มันสมองหมา ปัญญาควายกันอย่างไร พอหอมปากหอมคอ กันสักเล็กน้อย

ความคิดเห็นที่ 1

คำนี้ใช้เรียกพระโสดาบัน ที่ว่ารู้ๆ ด้วยปัญญาหรือญาณ เมื่อรู้แล้วย่อมเกิดการปฏิบัติแน่นอน แต่จะจริงจังและได้ผลแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

ผู้ที่มีบารมีมาก ในขั้นโสดาบันนี้ เป็นเพียงทางผ่านไปสู่ขั้นที่สูงขึ้น ซึ่งจะมีความเพียรสูงตามมา

ส่วนผู้ที่มีบารมีระดับโสดาบันนั้น ความเพียรจะไม่พุ่งสูงขึ้นเท่าไร เพราะญาณที่สูงกว่ายังไม่มีกำลัง

ไอ้นี่ไปลอกเขามาแบบโง่ๆ

ข้อความที่ว่า “ดวงตาเห็นธรรม” คือ  คนที่บรรลุโสดาบันนั้น เป็นการเดาของพวกปริยัติล้วนๆ  การเดาของเขา เกิดจากประวัติการสอนของพระพุทธเจ้า ดังนี้

ตอนที่พระพุทธองค์ทรงสอนธัมมจักกัปปวัตนสูตรให้กับเบญจวัคคีย์นั้น  มีข้อความที่ยกมาสั้นๆ จำนวน 3  ข้อความ ดังนี้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือ ปฏิปทาสายกลางนั้น ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้เพื่อนิพพาน.

[๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขอริยสัจ.

ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระโกณฑัญญะว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา.

ในธัมมจักกัปปวัตนสูตรที่ยกมาตามลำดับนั้น ถ้ามันไม่โง่แบบสมองหมา ปัญญาควายก็เข้าใจได้ง่ายๆ แล้วว่า

เมื่อพระพุทธองค์ทรงปฏิบัติตามทางสายกลาง  ดวงตาของพระองค์ก็เกิดขึ้นมา  ญาณ/รู้ ของพระองค์ก็เกิดขึ้น

ตรงนี้อธิบายได้อีกว่า ในการปฏิบัติธรรมนั้น รู้กับเห็นต้องไปด้วยกันเหมือน 2 ด้านของเหรียญ เมื่อเห็นก็ต้องรู้  เมื่อรู้ก็ต้องเห็น 

ต่อมา พระพุทธองค์ก็ทรงย้ำว่า “ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา” และพระพุทธองค์ทรงศึกษาอริยสัจ 4  สามรอบ

ต่อมา พราหมณ์โกณฑัญญะก็มีดวงตาเห็นธรรม แต่ยังไม่บรรลุพระอรหันต์  เมื่อพระพุทธองค์ทรงสอนอนัตตลักขณสูตร พระปัจจวัคคีย์จึงบรรลุพระอรหันต์  

พวกเถรใบลานเปล่า พวกนักปริยัติ พวกพุทธเชิงคัมภีร์จึงเดาเอาว่า การมีดวงตาเห็นธรรมคือ การบรรลุโสดาบัน 

เป็นการเดามั่ว เดาสุ่มแบบไม่มีคำอธิบายใดๆ ประกอบ

ขอยืนยันว่า พวกนักปริยัติเดาเอาอย่างนั้นจริงๆ คำอธิบายประกอบนั้น เป็นคำอธิบายของผมเองว่า พวกนั้น เดามาด้วยหลักฐานใด

ตรงนี้ ขอยืนยันว่า การมีดวงตาเห็นธรรมนั้นก็คือ การที่เราเห็น “ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน” หรือ “ดวงปฐมมรรค” เท่านั้น  แค่นี้ก็ชื่อว่า “เรามีดวงตาเห็นธรรมได้แล้ว

ที่นี้ ถ้าถามผมว่า ตอนนั้น พระปัจจวัคคีย์ได้บรรลุธรรมขั้นไหน  ผมว่าคงได้แค่ “กายธรรมโคตรภู” คือ กิเลสหมดแล้ว แต่ยังตัดสังโยชน์ 10 ไม่ได้ 

ดูสังโยชน์ 10 กันก่อน

ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ได้แก่
1. สักกายทิฐิ - มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา มีความยึดมั่นถือมั่นในระดับหนึ่ง
2. วิจิกิจฉา -
3. สีลัพพตปรามาส -
4. กามราคะ -
5. ปฏิฆะ –
ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ได้แก่
6. รูปราคะ -
7. อรูปราคะ -
8. มานะ –
9. อุทธัจจะ -
10. อวิชชา -

พระปัจจวัคคีย์ติดอยู่ที่ “สักกายทิฐิ - มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา มีความยึดมั่นถือมั่นในระดับหนึ่ง”  นี่แหละ  กิเลสร้อยแปดพันเก้านั้น  ท่านกำจัดหมดแล้ว

ทำไม ปัจจวัคคีย์จึงติดอยู่กับ “สักกายทิฐิ”  คำตอบก็เป็นดังนี้

พวกพราหมณ์เขามีความเชื่อเรื่อง “อัตตตา[เป็นคำนามไม่ใช่ “อัตตา” ซึ่งเป็นคำวิเศษณ์] ดังนี้

พวกพราหมณ์เชื่อว่า คนทุกคนมี “อัตตตา” ซึ่งเหมือนคนตัวเล็กๆ อยู่ข้างใน  เมื่อเราตายไอ้ “อัตตตา” ตัวนี้ก็ไปหาที่เกิดใหม่ 

อัตตตา” ตัวนี้ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่เกิดเป็นสัตว์ จะเกิดเป็นคนตลอดไป จนกว่าจะสร้างบารมีครบ ก็จะไปอยู่กับมหาพรหมัน ซึ่งเป็น “โคตรอัตตตา” ตลอดไป

เมื่อพระพุทธองค์ทรงสอนว่า “ขันธ์ 5/รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณเป็นอนัตตา” พระปัจจวัคคีย์จึงรู้แจ้งแทงตลอด จึงบรรลุเป็นพระอรหันต์

จะเห็นว่า “การมีดวงตาเห็นธรรม” นั้น  ไม่มีใคร หรือไอ้-อีหน้าไหนอธิบายได้อย่างถูกต้องและเป็นเป็นเหตุเป็นผลได้เลย  มีหลวงพ่อวัดปากน้ำอธิบายได้รูปเดียวเท่านั้น

เมื่อไม่มีใคร หรือไอ้-อีหน้าไหนอธิบายได้อย่างถูกต้อง การปฏิบัติที่ถูกต้อง จึงไม่มีใครทำได้ ก็ยังไม่เข้าใจ แล้วจะปฏิบัติได้อย่างไร

วิชาธรรมกายนั้น นอกจากอธิบายได้แล้ว ยังสอนปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง  มีผลเป็นปฏิเวธคือ ผู้เรียนเห็นดวงธรรม  วาดมาให้ดูได้ด้วย

คนที่มันไม่เชื่อ มันจึงเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจาก “สมองหมา ปัญญาควาย” เกิดมาเสียชาติเกิดแท้ๆ


-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น