ถ้าไม่มีศาสนา เราจะตกนรกหรือไม่

ไปเจอกระทู้ที่ผมคิดว่าแปลกดี เลยเอามาเผยแพร่กัน  กระทู้นั้นชื่อ “ถ้าเราไม่มีศาสนา จะตกนรกมั้ยคะ?”

เนื้อหาก็เป็นดังนี้

คือ ดิฉันเห็นว่า ในแต่ละศาสนามันมีนรกที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าเราไม่มีศาสนาจะตกนรกมั้ยคะ? ขอบคุณค่ะ

ที่ว่าแปลกในความเห็นของผมก็คือ  เจ้าของกระทู้นี่ ไม่ได้นึกถึงสวรรค์เลยหรือไง  คิดแต่จะหนีนรกอย่างเดียว

ถ้าคิดอย่างนี้ ผมว่า ไม่ว่าศาสนาอะไรก็ตาม เจ้าของกระทู้ก็คงหนีนรกไม่พ้นแน่ๆ  เพราะ ความคิดก็ออกไปทำนองแนวลบเสียก่อนแล้ว

สำหรับเรื่องความรู้ในทางศาสนาของเจ้าของกระทู้ดังกล่าว  ก็ไม่ต้องพูดถึงกันเลย คือ คงไม่มีความรู้อย่างเป็นจริงเป็นจัง  ถึงได้ถามปัญหาอย่างนี้ออกมาได้ 

เรามาดูความคิดเห็นของคนอื่นๆ ก่อนว่า จะให้ความคิดเห็นไปในทำนองไหนบ้าง

ความคิดเห็นที่ 3 ผมก็สงสัยว่า  ฝรั่งตายไปจะตกนรกไปเจอยมบาลแบบพุทธหรือเปล่า มีคำถามมากมายในสมอง

ความคิดเห็นที่ 4 นรกสวรรค์จะเชื่อมั้ย จะมีมั้ย ไม่สำคัญ แค่ทำดี ไม่ทำชั่ว ไม่เบียดเบียนใคร ทำใจให้คิดเรื่องดีๆ มีเมตตาก็พอแล้ว ถ้าทำได้ ถึงไม่มีสวรรค์ เราก็ภูมิใจที่ทำดี ถ้ามีสวรรค์ ก็ได้ขึ้นแน่นอน

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นข้อดีของคนไม่มีศาสนา  ในสถานการรอบโลกปัจจุบัน ที่ผู้คนมีความขัดแย้งกันในเรื่องศาสนา ทะเลาะกันเพราะศาสนา อยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะศาสนา แต่ก็อีกนั้นแหละ คนที่ไม่มีศาสนา หากไปยึดติดในสิ่งที่ตัวเองเป็น ก็จะไปทะเลาะกับคนมีศาสนาอีกเช่นกัน คำเดียวสั้นๆๆ ที่ผมเห็นว่า ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ คือ ปล่อยวาง  เรื่องนรก ตอบตามคำภีร์แต่ละศาสนาก็ว่ากันไป.ความจริงคือ ทำความดี เป็นคนดี ก็โอเคแล้วครับ

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่าไม่ตกครับเพราะ ถ้าคุณถือพุทธ ถ้าตกนรกคุณต้องตกนรกแบบพุทธ ถ้าคุณถือคริสต์ ถ้าตกนรกคุณต้องตกนรกแบบคริสต์ ถ้าคุณถือมุสลิม ถ้าตกนรกคุณต้องตกนรกแบบมุสลิม ถ้าคุณไม่ถืออะไร มันไม่มีนรกให้คุณต้องตกครับ

ความคิดเห็นที่ยกมาข้างต้นนั้น  เป็นความคิดที่แปลกมาก ถ้าเอาความคิดเห็นส่วนตัวของผม ตั้งแต่เป็นเด็กมาเลย

คือ ผมคิดว่าศาสนาต่างๆ นั้น มันต้อง “เป็นจริง” เพียงศาสนาเดียว  ศาสนาอื่นต้องผิดหมด

ตอนเป็นเด็ก ยังมีคำคำกลอนที่ล้อเลียนพระเยซูเลย  ผมท่องในใจเล่นๆ มาตลอด โตขึ้นไม่ได้ท่องแล้ว แต่ยังจำได้แม่นมาก  ถึงวันนี้ก็ยังจำได้แม่น

คำกลอนดังกล่าวก็คือ..

พระเยซูผู้เป็นเจ้า กินน้ำข้าวกับหัวปลาทู กินแล้วขึ้นสวรรค์ แคะขี้ฟันให้พระอินทร์ดู พระอินทร์บอกว่าเหม็น เตะกระเด็นลงรูปู ปูนึกว่ากล้วย หนีบเอา “...วย” พระเยซู   (ขออภัยคริตสนิกชนด้วย ถ้าบังเอิญเข้ามาอ่าน ไม่ได้ดูถูก แต่มาเล่าเรื่องให้ฟัง

ผมไม่ใครสอนไว้ แต่เด็กๆ ในหมู่บ้านผมท่องกันได้ทุกคน  ผมลองค้นใน google ก็เห็นมีคนเขียนไว้หลายแห่งเหมือนกัน

คนที่ให้ความคิดเห็นข้างบนนั้น นรกของศาสนาต่างๆ มีเป็นของตนเอง  ถ้าไม่เชื่อศาสนาไหนเลย ก็ไม่ต้องตกนรกเลย

คิดได้ไง...

ความคิดเห็นที่ พอจะดูเข้าท่าเข้าทางแบบบังเอิญ ก็คือ ความคิดเห็นที่ 13  ดังนี้

ความคิดเห็นที่ 13 คนทั้งโลกตายไปตกนรกที่เดียวกันค่ะ จะมีศาสนาหรือไม่มี ตายไป ไป ที่เดียวกันหมด เวลาเราเกิดต้องแจ้งอำเภอมั้ยค่ะ  ในนรกก็มีการบันทึกว่า เราเกิดที่ไหนชื่ออะไรช่วงที่มีชีวิต ทำอะไรบ้าง ดังนั้น เวลาตายไปจึงต้องไปรายงานตัวที่นรกค่ะ  ท่านเท้าเวสสุวรรณ เป็นผู้ปกครองนรก และเก็บวิญญาณคนตายไม่ว่าชาติไหน ไม่แบ่งค่ะ ถ้าเราเป็นวิญญาณบาปที่ต้องใช้กรรม เหล่ายมทูต ก็มีสิทธิ์ทุบตีเราได้เช่นกัน ซึ่งต่างจากวิญญาณบุญ

เจ้าของความคิดเห็นที่ 13 นี้ น่าจะดูละครเรื่องยมบาลเจ้าขามากไปหน่อย

สำหรับคำตอบของกระทู้ดังกล่าวนั้น จึงขอวิพากษ์วิจารณ์ในทางวิชาการก่อนว่า 

ศาสนาต่างๆ นั้น เขาคิดว่า ศาสนาของเขานั้นเป็นความจริง ของคนอื่นผิดหมด

ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ พระพุทธเจ้าของเรานั้น ทางศาสนาคริสต์เขาก็เชื่อว่า ตกนรกของเขา เพราะเป็นคนนอกศาสนาคริสต์

ในทางศาสนาพุทธของเรา พระเยซูก็ตกนรกของเรา เพราะเป็นคนนอกศาสนาพุทธ ซึ่งการตรวจสอบด้วยวิชาธรรมกายก็เป็นจริงตามนั้น

ต่อมา คำตอบในทางวิชาธรรมกาย

1- คนในศาสนาอื่นๆ ตกนรกทุกคน ไม่ว่าจะสร้างความดีอยู่ในระดับใดก็ตาม  ไม่ว่าจะเป็น บิลล์ เกตส์  วอร์เรน บัฟเฟ่ ก็ตกนรกกันทั้งสิ้น

2- คนไม่มีศาสนาก็ตกนรก

3- คนไม่มีศาสนาในประเทศไทย แม้จะทำบุญบ้าง ก็รอดนรกได้ยาก  เพราะ ทั้งชีวิตโอกาสที่จะไม่ทำบาปเลยนั้น เป็นไปไม่ได้

การทำบุญในศาสนาพุทธแบบไม่เชื่อนั้น  ไม่ได้ผลบุญเป็นชิ้นเป็นอัน

ขอยกตัวอย่างให้สุดกู่ไปเลย  เช่น นักการเมืองคนหนึ่งทำบุญ 1,000,000 บาท โดยไม่เชื่อเรื่องศาสนาเลย แต่ทำไปเพื่อเป็นหาสร้างชื่อเสียง เพื่อหวังผลจากการเลือกตั้ง

อีกคนหนึ่ง เป็นคนหาเช้ากินค่ำ ศรัทธาศาสนาพุทธ  ตั้งใจตักบาตรกับพระที่เดินบิณฑบาต ด้วยอาหารราคา 30 บาท   ยังได้บุญมากกว่านักการเมืองเสียอีก

อาจจะมีคนสงสัยว่า  แล้วเราจะพิสูจน์ได้ยังไง

เรื่องนี้ พิสูจน์ได้ด้วยวิชาธรรมกาย  อธิบายคร่าวๆ ดังนี้  เราเดินวิชา 18 กาย อนุโลม-ปฏิโลมอย่างต่ำ 7 เที่ยว ให้ดวงธรรมใส กายธรรมใส

ต่อจากนั้น ให้เราไปหยุดที่กายธรรมพระอรหัตที่ละเอียดที่สุดในวันนั้น  วิชาธรรมกายนั้น กายธรรมพระอรหัตละเอียดจะไม่คงที่ จะค้นพบเรื่อยๆ ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ

แล้วอธิษฐานกับกายธรรมพระอรหัตละเอียดว่า “ขอไปตีนเขาพระสุเมรุ”  กายธรรมของเราก็จะไปอยู่ตีนเขาพระสุเมรุเลย

อยากคุยกับกับใคร ก็เรียกชื่อของเขา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเขาก็จะมาปรากฏกายให้เห็น และสามารถพูดคุยซักถามได้

-------------------------

เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)

www.manaskomoltha.net

Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/

Line ID : manas4299

Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/

โทรศัพท์ : 083-4616989