บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

เจ้าชายนิทราในมุมมองของศาสนา


มีคนเข้าไปตั้งกระทู้ในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ที่น่าสนใจ และควรนำมาวิพากษ์วิจารณ์กัน กระทู้นั้นชื่อ “ในทางศาสนา ทำไมคนถึงกลายเป็นเจ้าชายนิทราได้?

เนื้อหาของกระทู้ก็เป็นดังนี้

พอดีเพื่อนที่เก่าแก่หลับเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว ด้วยโรคกลุ่มเส้นเลือดผิดปกติในสมอง (Cerebral AVM)

ผมเข้าใจบ้างในแง่ของวิทยาศาสตร์ แต่ในทางพุทธศาสนาแล้ว  โรคนี้สามารถแก้ให้หายด้วยความเชื่อบางอย่างมีหรือไม่ครับ

และโรคนี้เหตุใดคนถึงเป็นได้ครับ กรรมอะไรที่สร้างไว้หรือเจ้ากรรมนายเวรดลให้เป็น

ก็มีผู้เข้ามาให้ความเห็นในกระทู้นี้พอสมควร ในลักษณะของคนในพันธุ์ทิพย์ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นมือใหม่บ้าง 

ถ้าอยู่นานๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกสมองหมา ปัญญาควายทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดี มีความคิดเห็นที่น่าสนใจ และควรนำมาวิพากษ์วิจารณ์ด้วย ดังนี้

เคยมีเพื่อนตกหลังคาศีรษะกระแทกพื้นหมดสติ นอนเป็นจ้าวชายนิทราอยู่ประมาณ  6-8  เดือน จึงเสียชีวิต

เรื่องนี้ น่าจะพิจารณาตามพระสูตรเรื่องอัตตาสาม ที่ทรงกล่าวว่าอัตตากับสัญญาเป็นคนละส่วนกัน

หมายความว่า คนป่วยมีอัตตาหรือสังขารหยาบชำรุดในส่วนสมองใช้การไม่ได้ทำให้ไม่ฟื้น แต่ในส่วนของสัญญายังมิได้สูญสิ้น เพราะเป็นคนละส่วนกัน

ถ้าพิจารณาขันธ์ห้าจะเห็นแต่รูปชำรุด และเนื่องจากกายหยาบยังหายใจอยู่ แต่ตื่นขึ้นมิได้จึงทำให้กายทิพย์ครองสัญญาอยู่ตลอดเวลา

ที่จริง เพื่อนของคุณได้ครองกายทิพย์อยู่ กลับเข้าร่างหยาบไม่ได้เนื่องจากร่างหยาบชำรุด

เหตุการณ์แบบนี้สามารถเกิดขึ้นกับนักถอดกายทิพย์ที่มีร่างกายขี้โรคได้เหมือนกัน


ความคิดเห็นนี้ ดูเหมือนจะเข้าท่า  แต่ “มั่ว” ครับ  เขียนไปเรื่อย   ความคิดเห็นต่อไป น่าสนใจ เพราะ คนเขียนเป็นเอง  จึงถือได้ว่า เป็นข้อมูลชั้นต้น

เล่าเรื่องสรุปตามที่ถาม ที่เกิดจริงแต่เป็นอจินไตย  ให้พอรู้ว่าเรื่องแบบนี้ก็มีด้วย.

เช้า 15 /1/ 2554   เกิดอุดตันในเส้นเลือนสมองอย่างเฉียบพลัน แต่มีสติฉับไวประกองตนเองไม่ให้ล้มทั้งยืนตามแรงที่เชหลังพิงประตูยันตัวไว้ได้ทันแล้วครูดลงหมดสติไป เมื่อรู้

> รู้แบบผักนึกคิดอะไรไม่ได้

-> รู้แบบคิดได้ แต่เป็นอัมพาตทั้งตัว จึงวางใจให้สงบไม่ตื่นตกใจ แล้วคิดไปตามลำดับ ว่าจะให้คนรู้และมาช่วยได้อย่างไร ค่อยๆ ขยับร่างกายแต่ทำไม่ได้ แม้แต่จะขยับลิ้นตัวเองก็ไม่ได้ ก็น้อมสติเตือนตนเองไม่ให้ตกใจกลัวจนร้อนรน

-> พอเริ่มขยับแขนซ้ายได้แต่ไม่มีแรง แต่ยังขยับลิ้นพูดไม่ได้ จึงค่อยๆ เหวี่ยงแขนไปด้านหลังเพื่อให้เกิดเสียงดังเพื่อให้คนรู้

-> ค่อยๆ พยายามเปล่งเสียงจนออกเสียงได้แบบ อ้อแอ้ ๆ  จนแฟนได้ยินแล้วมาช่วย จึงเริ่มกำหนดกรรมฐานค่อยๆ มากขึ้นอย่างระเอียดขึ้น ปรานิตขึ้นตามลำดับ เมื่อได้รับการช่วยเหลือ

เข้าห้องไอชียู เป็นอัมพฤตอยู่ 24 ชั่วโมง เช่าวันต่อมาลุกขึ้นนั่งกรรมฐานในห้องไอชียูนั้นเอง  เฝ้าดูอาการอยู่ 48 ชั่วโมง อยู่ห้องไอชียู 3 วัน

อยู่ห้องธรรมดาพักฟื้น 5 วัน  กลับบ้านระบบสมองมันรวนไปหมด(ข้ามรายละเอียด เพื่อเข้าประเด้นกระทู้) ยังคงกำหนดกรรมฐานอยู่เนื่องๆ 

ช่วง 2-3 เดือน มีอาการคล้ายตนเองจะเป็นเจ้าชายนิทรา คือเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายตื่นได้ เป็นเวลานานมากๆ จึงจะทำให้ร่างกายทำงาน และเป็นถี่ขึ้นใช้เวลานานขึ้น  เป็นประจำเมื่อหลับแล้วตื่นขึ้น และรู้ตัวว่าตนเองกำลังเช้าสู่โหมด เจ้าชายนิทรา

มีผู้แนะนำว่าเมื่ออยู่ในสภาวะนั้นก็ให้ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เผื่อจะช่วยได้  จึงได้สติ ว่าตนเองก็เคยทำมาแล้ว เมื่อเกิดสภาวะผีอำเมื่อวัยเด็ก

วันต่อมาเมื่อเกิด จิตตื่นจากหลับแล้ว แต่ไม่สามารถทำให้ร่างกายตื่นได้ จึงน้อมใจให้สงบ แล้วระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จนค่อยเกิดปีติขึ้น แล้วปีติค่อยมากขึ้น

ด้วยความศรัทธาในพระรัตนตรัยนั้น จนสว่างมากเต็มไปทั้งจิต จนกระจายไปทางกายทำให้รับรู้ร่างกายขึ้นมาได้ ยังมีปีติซ้านอยู่กับร่างกายนั้น

วันต่อมาเมื่อเกิดสภาวะจะเป็นเจ้าชายนิทราอีก ก็วางใจปฏิบัตแบบเดิมอีก ก็เกิดสภาวะแบบเดิม พ้นมาได้  ปฏิบัติเฃ่นนี้น่าจะ 3 ครั้ง หลังจากนั้น สภาวะแบบเจ้าชายนิทรา ก็จะห่างออกไป และติดอยู่ไม่นานก็จะตื่นขึ้นมาได้เองได้ โดยไม่ต้องน้อมใจไปอย่างเดิม.

ต่อจากนั้นประมาณ 6 เดือนไปแล้ว ขณะที่อยู่ในสภาวะสงบเบา รับรู้ทางใจเท่านั้น หลังจากกำหนดกรรมฐาน จึงเกิดความคิดว่า เราทำกรรมอะไรไว้ จึงได้มีวิบาก เฉียดตาย เฉียดเป็นอัมพาต อัมพฤต และยังต้องบอบซ้ำจนถึงเดียวนี้

จึงผลิกเกิดภาพ นิมิต ย้อนไปไกลว่า ชาติที่ 3 ที่ผ่านมาเสียอีก  เป็นเหมือนตัวผมเองได้ใช้ไม้หน้า 3 ตีที่หัวก็ผู้ที่ถูกจองจำล้ามโซ้ทั้งขาและแขน ที่นั่งอยู่

นั้นแหละเป็นกรรมที่ได้กระทำไว้นานมากแล้ว แต่วิบากนั้นได้บังเกิดในปัจจุบันนี้เอง   และสภาวะการบอบช้ำทางสมอง กว่าจะปกติได้ก็ ประมาณ 2 ปีไปแล้วทีเดียว จึงไม่ค่อยเกิดสภาวะ เบรอๆ เว้อๆ อีก.

หมายเหตุ ที่ผ่านพ้นวิกฤต ได้นั้น ก็ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน เป็นอย่างยิ่งมาแล้วทั้งแต่ วัยหนุ่มอายุ 23 ปี  และประกองปฏิบัติมาจนถึงอายุมากขึ้น ห้าสิบกว่าปี นั้นเอง 

จึงไม่ใช่ เกิดจากความเชื่อใดๆ  ที่ไม่เกิดจากการปฏิบัติจริง.

คนที่ให้ความคิดเห็นคนนี้ พิมพ์ผิดมากมายมหาศาล  แต่ก็เป็นประสบการณ์ตรง ก็เป็นข้อมูลที่น่าพิจารณา 

สำหรับเรื่องนี้ในทางวิชาธรรมกายมีการสอนไว้ ดังนี้

กายหลักๆ ของเรามี 18 กาย  ที่ว่า “กายหลักๆ” นั้นหมายความว่า ในแต่ละกายเองเช่น กายมนุษย์ กายมนุษย์ละเอียด/กายฝัน  กายทิพย์หยาบ กายทิพย์ละเอียด เป็นต้น ก็ประกอบไปด้วย กายเบื้องต้น กายเบื้องกลาง และกายเบื้องปลาย

ถ้าจะอธิบายให้เฉพาะเจาะลงไปอีก  แต่ละกายที่เป็น 18 กายนั้น ก็มีกาย 18 กายต่างหากของแต่ละกายเอง

อ่านไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร  ขอให้รู้โดยหลักการเอาไว้ก่อน

เมื่อกายมนุษย์ตาย  ทุกสิ่งทุกอย่างของกายมนุษย์จะ “ส่ง” ไปให้กายละเอียดถัดไป  สำหรับเจ้าชายนิทรานั้น  ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายนิทราด้วยสาเหตุใด

บางคนเกิดจากอุบัติเหตุ  บางคนเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ  ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกส่งไปให้กายละเอียดแล้ว   กายมนุษย์จึงเคลื่อนไหวไม่ได้  ทำอะไรไม่ได้

แต่กายละเอียดทำได้

เจ้าชายนิทราเหล่านั้น ถ้ายังมีบุญอยู่ กายมนุษย์ก็จะฟื้นขึ้นมาได้ กายละเอียดจะ “ส่ง” ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมา  

แต่ถ้าเมื่อถึงคราวหมดอายุไขจริงๆ  ก็ตายไป 


-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น