บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ตัวตนไม่มี เอาอะไรไปเกิด


มีคนเข้าไปตั้งกระทู้ในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ที่น่าสนใจ และควรนำมาวิพากษ์วิจารณ์กัน กระทู้นั้นชื่อ “ถ้าเราไม่มีตัวตน เมื่อละสังขาร เราเอาอะไรไปเกิด?

เนื้อหาของกระทู้ก็เป็นดังนี้

ก็ในเมื่อเราตายแล้วขันธ์ห้าก็ตายไปพร้อมกับเรา รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็สิ้น แต่ยังคงมีเชื้อให้เกิดใหม่อยู่ดี ก็ไปสู่ร่างใหม่ก็คือขันธ์ห้าอันใหม่

เราเป็นเพียงผู้ไปอาศัยเมื่อถึงเวลาก็ต้องละสังขารนั้นไปแล้วก็ไปสู่ที่ใหม่อีก ขันธ์ห้านี้เราจึงถือไม่ได้ว้าเป็นตัวเป็นตนของเราจริงๆ

แล้วตัวตนของเราจริงๆนั้นคืออะไรครับ  หรือว่าตัวตนของเราจริงๆ แล้วมี แต่ไม่มีรูปร่าง

ถ้าเราไม่มีตัวตน ไม่มีรูปที่แท้จริง ในเมื่อตายแล้วเราจะเอาอะไรไปเกิดใหม่ จะว่าจิตก็ไม่ใช่เมื่อตายจิตก็ดับ เกิดใหม่ก็เป็นจิตดวงใหม่ 

การย้ายจากขันธ์เดิมไปขันธ์ใหม่เราพกอะไรไปด้วย ก็มีแต่ กุศลกรรม กับ อกุศลกรรม ที่ยังติดตัวเราไปตลอดตราบใดที่เรายังไม่เข้านิพพาน

สรุปที่อยากจะถามคือ

-เรามีตัวตนหรือไม่ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่าขันธ์ห้าไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวตน ว่าเป็นของเรา แล้วตัวตนที่แท้จริงของเรานั้นเป็นอย่างไร

-เมื่อตายไปเราเอาอะไรไปเกิด ร่างกายเอย ขันธ์ห้าก็สลายไปตามธาตุ จิตก็ดับไปกับร่างเก่า เกิดเป็นคนใหม่จิตดวงใหม่

-เมื่อมองกระจกก็เห็นรูป แต่ก็คิดเสมอว่าสักวันเราก็ต้องจากมันไป ไปสู่ที่อาศัยใหม่อาจจะหน้าตาดีกว่าเดิม หรือรูปชั่วตัวดำกว่าเดิมก็ได้

แล้วรูปที่เราเห็นในกระจก ภายในมีตัวตนของเราซ่อนอยู่ใช่หรือไม่  พูดกันเสมอว่า "เรา" เราคือตัวตนอย่างนั้นหรือ

ขอบคุณครับ

คำถามนี้ ตอบได้ง่ายมากในวิชาธรรมกาย และผมก็เขียนไปแล้วหลายครั้งหลายหน อย่างไรก็ดี มาดูความคิดเห็นของพวกห้องศาสนาพันธุ์ทิพย์กันก่อน

คำถามแนวนี้ ถามมาตั้งแต่พุทธกาลแล้ว ทุกครั้งพระพุทธเจ้าจะถามไล่ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร

แนะนำให้อ่าน อนัตตลักขณสูตร หลายๆครั้ง (อ่านที่สูตรเต็มๆ ไม่ใช่อ่านหนังสือธรรมะที่คนอธิบาย)

สิ่งที่ขับเคลื่อนคำถาม ที่ว่า "ถ้าเราไม่มีตัวตน เมื่อละสังขาร เราเอาอะไรไปเกิด?" ก็คือสังขาร

สังขารเหมือนเดิมตลอด (เที่ยง) หรือไม่เหมือนเดิมตลอด (ไม่เที่ยง)? สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นแตกสลาย หรือคงอยู่?

สิ่งใดไม่เที่ยง แตกสลาย แปรเปลี่ยน ควรหรือไม่ ที่จะเห็นว่า นั่นของเรา?

คำตอบนี้ ดูท่าทางจะดี แต่เมื่อพิจารณากันอย่างจริงๆ จังๆ แล้ว  คนตอบกระทู้ไม่ได้มีความรู้ที่แน่นหนาอะไรเลย  ตอบแล้วก็เหมือนไม่ได้ตอบ 

คำตอบดังกล่าวเป็นความคิดเห็นที่  2  คนตอบรีบเข้ามาตอบทันทีเมื่อเห็นกระทู้  นับได้ว่า เป็นพวกสำเร็จความใคร่ทางคีย์บอร์ดอีกคนหนึ่ง

มาดูความคิดเห็นที่  3 กันบ้าง

ในคำของพระอริยะสงฆ์ หลายๆ องค์ ท่านจะกล่าวว่า จิตนี้ไม่เคยตาย เมื่อเราละจากร่างนี้ไปแล้วจิตดวงเดิมก็จะไปเกาะที่อยู่ใหม่ แต่เป็นจิตดวงเดิม

ขึ้นอยู่กับว่า ก่อนที่จะดับจิตลงไปนั้น จิตของเราไปเกาะ กิเลสตัวไหนอยู่ ตัวโทสะ โมหะ หรือ โลภะ ก็จะไปตามนั้น

ถ้าไปเกาะตัว โมหะ ( โมโห ) ก็จะไปเป็นสัตว์นรก ( คำสอน หลวงพ่อโชดก เจ้าคณะ ๕ วัดมหาธาตุ ) จิตก็ยังเป็นดวงเดิม

ในช่วงแรกๆ ยังจำได้หมด แต่เมื่อล่วงเวลาไปหลายๆกัป ก็จะลืม จนจำไม่ได้เลยคับ

ตอบคำถามคับ

- ตัวตนของเรานั้นไม่มี ไม่ว่าจะ ขันธ์ ๕ หรือ ดวงจิตดวงใจ เพราะ หาความแน่นอนไม่ได้เลย ร่วงโรยไปตามกาลเวลา กายเนื้อก็ไม่จีรัง เรือนจิตใจ ก็ไม่เที่ยง เพราะวิ่งไปเกาะร่างนั้น ร่างนี้ อยุตลอด

- พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า  เรามี กรรมนำมาเกิด เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เรากระทำกรรมอันใดไว้ดีหรือชั่วก็ตาม จักได้รับผลของกรรมนั้นทั้งหมดทั้งสิ้น  สำหรับพระ อรหันต์นั้นไม่เรียกว่า กรรมแต่จะเรียกว่าการกระทำ จึงไม่นำมาเกิดอีก

- ร่างที่เราเกาะอยู่นั้นจัดว่าเปนภพสุขคติภูมิ เพราะได้ชื่อว่าคน หรือ มนุษย์ สิ่งที่เปนตัวตนนั้นคือเรือนจิตเรือนใจ ที่ ไม่ว่าจะย้ายจากร่างไหน ก็จะติดตามเราไปทุกๆร่างครับ

คำตอบอาจไม่ถูกต้อง ๑๐๐ เปอร์เซ็น แต่ไม่น่าแตกต่างออกไปจากนี้เท่าใดนัก กราบขออโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ด้วย จาก ผู้ใฝ่ในธรรมะพุทธองค์

คำตอบนี้ ก็มั่วออกทะเลไปอีก  ยิ่งไปเอาคำตอบของมหาโชดก ซึ่งปัจจุบันเป็น “สัตว์นรก” อยู่ ยิ่งหาความน่าเชื่อถืออะไรไม่ได้เข้าไปอีก

ต่อไปความคิดเห็นที่  4

ขันธ์ 5 เมื่อเช้า กับขันธ์ 5 เมื่อ ตอนเย็น ก็ขันธ์ใหม่แล้ว คนละขันธ์กัน กับเมื่อเช้า ไม่ต้องรอพิสูจน์ หลังตายแล้ว

ถ้าเข้าใจ ก็หยุดสงสัย ว่า ตายแล้วอะไรไปเกิด

เพราะขณะมีชีวิต ยังมีการเกิดดับแห่งขันธ์ อยู่ตลอดเวลา ร่างกายของคนเรา มีลักษณะปรุพรุน มีอากาศธาตุแทรกคั่นอยู่ทุกอนู

แค่รูป หลายๆ รูป มาประชุมกันชั่วคราว แล้วทะยอย ดับไป อย่างรวดเร็ว

ผมสงสัยว่า คนตอบมันจะเข้าใจในสิ่งที่มันเขียนหรือเปล่า  ขันธ์ 5 เกิดดับๆๆๆๆ อยู่ทุกขณะจริง แต่มันไม่ได้ตอบปัญหาของกระทู้

ต่อไปความคิดเห็นที่  7 ตอบเป็นข้อๆ ไปดังนี้

-เรามีตัวตนหรือไม่ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า ขันธ์ห้าไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวตน ว่าเป็นของเรา แล้วตัวตนที่แท้จริงของเรานั้น เป็นอย่างไร

ตอบ คนที่ยึดถือว่า จิตมีตัวตนนี่ร้ายกว่า คนที่ยึดถือว่าร่างกายนี้มีตัวตน อย่าหาตัวตนที่แท้จริงเลยครับ

คำตอบนี้ฉิบหายวายป่วงเลย  ถ้าไม่จักตัวตนของเรา มันก็ฉิบหาวายป่วงแน่ๆ

-เมื่อตายไปเราเอาอะไรไปเกิด ร่างกายเอย ขันธ์ห้าก็สลายไปตามธาตุ จิตก็ดับไปกับร่างเก่า เกิดเป็นคนใหม่จิตดวงใหม่

ตอบ หากไม่มีเชื้อ ไม่มีเหตุปัจจัย จะมีไฟขึ้นมาได้อย่างไร ไฟดวงใหม่ก็เกิดจากเหตุปัจจัยนั่นเอง  ดับอัตตาในชาตินี้ให้ได้ แล้วจะหมดคำถามเรื่องชาติหน้า

คำตอบนี้ก็เหมือนกัน  คนตอบมันอยากพิมพ์เพื่อดับความกระสันของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้ตอบปัญหาใดๆ

-เมื่อมองกระจกก็เห็นรูป แต่ก็คิดเสมอว่าสักวันเราก็ต้องจากมันไป ไปสู่ที่อาศัยใหม่อาจจะหน้าตาดีกว่าเดิม หรือรูปชั่วตัวดำกว่าเดิมก็ได้

แล้วรูปที่เราเห็นในกระจก ภายในมีตัวตนของเราซ่อนอยู่ใช่หรือไม่  พูดกันเสมอว่า "เรา" เราคือตัวตนอย่างนั้นหรือ

ตอบ ที่พูดว่าเป็นเรานั้นเป็นสิ่งสมมุติ

คำตอบนี้ ก็เป็นคำตอบที่ตอบคำถามให้ครบเท่านั้น  ไม่ได้เป็นคำตอบที่ถูกต้อง

มาดูความคิดเห็นที่  8 บ้าง ตอบเป็นข้อๆ เช่นเดียวกัน

สรุปที่อยากจะถามคือ

-เรามีตัวตนหรือไม่ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่าขันธ์ห้าไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวตน ว่าเป็นของเรา แล้วตัวตนที่แท้จริงของเรานั้นเป็นอย่างไร

(ตอบ.ตัวตนที่แท้จริงของเราไม่มี มีแต่ตัวตนชั่วคราวที่ขันธ์ ๕ ปรุงแต่งขึ้นมาเท่านั้น)

นี่ก็เป็นคำตอบที่ฉิบหายวายป่วงเหมือนกัน  พุทธพจน์ที่ว่า “ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนของเรา” นั้น  แสดงว่า ตัวตนของเราต้องมี แต่จะเป็นอะไรเท่านั้น

-เมื่อตายไปเราเอาอะไรไปเกิด ร่างกายเอย ขันธ์ห้าก็สลายไปตามธาตุ จิตก็ดับไปกับร่างเก่า เกิดเป็นคนใหม่จิตดวงใหม่

(ตอบ.เมื่อมันไม่มีตัวตนที่แท้จริง แล้วมันจะมีอะไรมาเกิดหรือไปเกิดได้อีกเล่า)

อ้าวฉิบหายอีกแล้ว  คำตอบอย่างนี้ แสดงว่า ไม่เชื่อเรื่องกายเวียนว่ายตายเกิด แต่เชื่อว่า ตายแล้วเกิดเพียงชาติเดียวแบบวิทยาศาสตร์

-เมื่อมองกระจกก็เห็นรูป แต่ก็คิดเสมอว่าสักวันเราก็ต้องจากมันไป ไปสู่ที่อาศัยใหม่อาจจะหน้าตาดีกว่าเดิม หรือรูปชั่วตัวดำกว่าเดิมก็ได้

แล้วรูปที่เราเห็นในกระจก ภายในมีตัวตนของเราซ่อนอยู่ใช่หรือไม่  พูดกันเสมอว่า "เรา" เราคือตัวตนอย่างนั้นหรือ

(ตอบ. เราเป็นแค่ความรู้สึกที่ร่างกายกับจิตใจมันร่วมกันปรุงแต่งขึ้นมาชั่วคราวเท่านั้น เหมือนหุ่นยนต์คอมพิวเตอร์ชั้นเยี่ยมที่มันรู้สึกว่ามีตัวตนเป็นของมันเอง)

นี่ก็ออกทะเลไปอีก

มีความคิดเห็นที่เข้าท่าเข้าทางเหมือนกัน ในความคิดเห็นที่ 14 ดังนี้

ขันธ์ 5 ประกอบด้วย
   กาย คือ รูป
   จิต คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

เหตุที่จะนำไปเกิดอีก คือความยึดมั่นในขันธ์

พระพุทธเจ้าสอนให้ละความยึดมั่นในกายและจิตเพื่อเข้าสู่นิพพาน ซึ่งจะต้องผ่านขั้นตอนการปฏิบัติตามควรแก่แต่ละบุคคล

ปุถุชนเมื่อตาย กายหยาบจะเปลี่ยนเป็นกายละเอียด จิตยังอยู่ (เกิดดับต่อเนื่อง) หลังจากนั้นกรรมจะพาไปเกิดยังภพภูมิใหม่ต่อไป

คำสอนที่ว่า กายและจิตนี้ เป็นอนัตตา คือไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นคำสอนของศาสดา ที่เที่ยงแท้ ให้นำไปพิจารณาให้มาก จิตจะค่อยๆ เห็นความจริงชัดขึ้นเป็นลำดับ

เมื่อชัด 100% คือเข้านิพพาน กิเลสตัณหาจะสูญสิ้น และมีญาณรู้ได้ด้วนตนเอง

ความคิดเห็นนี้ เข้าท่าแล้ว แต่ก็ยังไม่ถูก

ต่อไปนี้ เป็นคำตอบในทางวิชาธรรมกาย

สรุปที่อยากจะถามคือ

-เรามีตัวตนหรือไม่ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่าขันธ์ห้าไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวตน ว่าเป็นของเรา แล้วตัวตนที่แท้จริงของเรานั้นเป็นอย่างไร

ข้อความที่ผู้ตั้งกระทู้กล่าวถึงนั้น มีอยู่ในอนัตตลักขณสูตร ดังนี้

ตรัสให้พิจารณาโดยยถาภูตญาณทัสสนะ

[๒๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล

รูปอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่ารูป เ

เธอทั้งหลายพึงเห็นรูปนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า  นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ...................
สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง...................
สังขารทั้งหลายอย่างใดอย่างหนึ่ง ...................
วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง...................

ข้อความที่ว่า “เธอทั้งหลายพึงเห็น [รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ] นั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า  นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.”  แสดงให้เห็นว่า “ตัวตนของเราต้องมี แต่ไม่ใช่ขันธ์ 5

ตรงนี้แหละ ที่นักปฏิบัติธรรม หรือนักปริยัติจะงงกันเป็นไก่ตาแตก  เพราะ พวกเหล่านั้นเห็นว่า ขันธ์ 5 เป็นพื้นฐานที่สุดของร่างกายแล้ว  เมื่อขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนของเราเสียแล้ว  พวกนี้ก็ไปไม่เป็น

ตัวตนของเราในวิชาธรรมกายคือ [เห็น จำ คิด รู้] กายของเรามี 18 กาย แต่ละกายก็มีเห็น จำ คิด รู้ ทั้งสิ้น 

[เห็น จำ คิด รู้] ไม่ใช่ขันธ์ 5 [เห็น จำ คิด รู้] เปรียบเสมือนน้ำในขัน  ส่วนขันธ์ 5 ก็คือ ขันน้ำ

[เห็น จำ คิด รู้] คือตัวตนของเรา แต่ยังตกอยู่ในพระไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ยังต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่

[เห็น จำ คิด รู้] ในส่วนละเอียดที่สุด มีลักษณะเป็นดวงใส ซ้อนกันอยู่ อยู่ ณ ที่ฐานที่ 7 ของกายมนุษย์

-เมื่อตายไปเราเอาอะไรไปเกิด ร่างกายเอย ขันธ์ห้าก็สลายไปตามธาตุ จิตก็ดับไปกับร่างเก่า เกิดเป็นคนใหม่จิตดวงใหม่


เมื่อกายมนุษย์ตาย ขันธ์ 5 ก็ลายไป แต่ [เห็น จำ คิด รู้] ยังอยู่   [เห็น จำ คิด รู้] ของกายมนุษย์ก็จะถ่ายไปอยู่กับของกายมนุษย์ละเอียด

บุญ กรรม ความดี ความชั่วก็ไปกับ [เห็น จำ คิด รู้] 

-เมื่อมองกระจกก็เห็นรูป แต่ก็คิดเสมอว่าสักวันเราก็ต้องจากมันไป ไปสู่ที่อาศัยใหม่อาจจะหน้าตาดีกว่าเดิม หรือรูปชั่วตัวดำกว่าเดิมก็ได้

แล้วรูปที่เราเห็นในกระจก ภายในมีตัวตนของเราซ่อนอยู่ใช่หรือไม่  พูดกันเสมอว่า "เรา" เราคือตัวตนอย่างนั้นหรือ

ขอบคุณครับ

ดังที่ได้อธิบายมาแล้ว  [เห็น จำ คิด รู้] เปรียบเสมือนน้ำในขัน  ส่วนขันธ์ 5 ก็คือ ขันน้ำ  ไม่ได้ซ่อนอยู่  แต่คนที่ไม่มีวิชาธรรมกาย ไม่เห็น จึงอาจจะคิดว่า “ซ่อนอยู่”  ในธรรมชาติจะเป็นอย่างนั้น

สำหรับคำว่า “เรา” ของเจ้าของกระทู้นั้น ไม่รู้ว่า หมายถึงอะไร  แต่ถ้าหมายถึงคำว่า “เรา” ในอนัตตลักขณสูตร  ก็เป็นคำสรรพนาม  ที่พระพุทธเจ้าหมายถึง พระปัจจวัคคีย์รวมถึงพระองค์ด้วย.

-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น